หากคุณกำลังมองหาเทคนิคในการสอนงานแบบ OJT ให้ผู้เรียนเป็นผู้สอนงานมืออาชีพ บทความนี้ HRODTHAI.COM นำเสนอแนวทางเบื้องต้นในกระบวนการนี้
เทคนิคการสอนงานแบบ OJT (On the job training) สู่การเป็นผู้สอนงานมืออาชีพ
การสอนงานแบบ OJT (On the job training) เป็นวิธีการฝึกอบรมพนักงานที่นิยมใช้กันมาก โดยเน้นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติงานจริง เทคนิคการสอนงานแบบ OJT ที่ดี จะช่วยให้พนักงานเรียนรู้ทักษะและความรู้ที่จำเป็นสำหรับการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยให้พนักงานปรับตัวเข้ากับองค์กรได้รวดเร็วขึ้น
สมรรถนะ/ ขีดความสามารถ (Competency)
สมรรถนะ/ ขีดความสามารถ (Competency) หมายถึง ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ ที่จำเป็นในการปฏิบัติงานใดงานหนึ่งให้ประสบความสำเร็จ โดยประกอบไปด้วยองค์ประกอบหลัก 3 ประการ ดังนี้
- ความรู้ (Knowledge) ความรู้ที่จำเป็นสำหรับการทำงาน อาจจะเป็นความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาหลักของงาน ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายระเบียบ ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี หรือความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการ
- ทักษะ (Skill) ทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงาน อาจจะเป็นทักษะทางเทคนิค ทักษะการคิดวิเคราะห์ ทักษะการสื่อสาร ทักษะการแก้ปัญหา หรือทักษะการทำงานเป็นทีม
- คุณลักษณะ (Attributes) คุณลักษณะส่วนตัวที่ส่งผลต่อการทำงาน อาจจะเป็นความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ ความอดทน ความคิดริเริ่ม หรือทักษะการทำงาน
ประเภทของสมรรถนะ
สมรรถนะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
- สมรรถนะหลัก (Core Competency): สมรรถนะที่องค์กรคาดหวังว่าบุคลากรทุกคนทุกระดับจำเป็นต้องมี เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความรู้ ทักษะ ทัศนคติ ความเชื่อ และอุปนิสัยของคนในองค์กรโดยรวม พฤติกรรมเหล่านั้นจะมีส่วนที่จะช่วยสนับสนุนให้องค์กรบรรลุเป้าหมายตามที่กำหนดไว้
- สมรรถนะเฉพาะงาน (Job-Specific Competency): สมรรถนะอื่นที่ไม่ใช่สมรรถนะหลัก ซึ่งเป็นคุณสมบัติหรือคุณลักษณะที่กำหนดขึ้นสำหรับผู้ปฏิบัติงาน และเป็นคุณสมบัติหรือคุณลักษณะที่องค์การต้องการสำหรับแต่ละตำแหน่งงานที่แตกต่างกันไป เพื่อให้ปฏิบัติงานในตำแหน่งงานนั้นๆ ได้ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
ความหมายของการสอนงาน
การสอนงาน หรือ Coaching หมายถึง กระบวนการที่ ผู้สอนงาน (Coach) ช่วยให้ ผู้รับการสอนงาน (Coachee) พัฒนาความรู้ ทักษะ และพฤติกรรม เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายของงาน และเติบโตในหน้าที่การงาน
ลักษณะสำคัญของการสอนงาน
- เป็นการช่วยเหลือ ไม่ใช่การสั่งสอน ผู้สอนงานมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้รับการสอนงาน ให้ค้นหาศักยภาพ พัฒนาตนเอง และบรรลุเป้าหมาย ไม่ใช่การสั่งสอนให้ทำตามคำสั่ง
- เน้นการเรียนรู้ผ่านการปฏิบัติ ผู้รับการสอนงานจะได้เรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง ผู้สอนงานคอยให้คำแนะนำ และช่วยแก้ไขข้อผิดพลาด
- เป็นการเรียนรู้แบบตัวต่อตัว ผู้สอนงานจะให้ความสนใจกับผู้รับการสอนงานแต่ละคน เข้าใจจุดแข็ง จุดอ่อน และความต้องการของผู้รับการสอนงานแต่ละคน เพื่อออกแบบโปรแกรมการสอนงานที่เหมาะสม
เป้าหมายของการสอนงาน
- ช่วยให้ผู้รับการสอนงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้รับการสอนงานจะมีความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมที่จำเป็นสำหรับการทำงาน สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และมีคุณภาพ
- ช่วยให้ผู้รับการสอนงานบรรลุเป้าหมายของงาน ผู้รับการสอนงานจะสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ สร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับองค์กร
- ช่วยให้ผู้รับการสอนงานเติบโตในหน้าที่การงาน ผู้รับการสอนงานจะมีศักยภาพ สามารถพัฒนาตนเอง และก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
ประโยชน์ของการสอนงาน
- ช่วยให้องค์กรมีบุคลากรที่มีประสิทธิภาพ องค์กรจะมีพนักงานที่มีความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมที่จำเป็นสำหรับการทำงาน สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับองค์กร
- ช่วยลดต้นทุนการฝึกอบรม การสอนงานเป็นวิธีการฝึกอบรมพนักงานที่มีประสิทธิภาพ องค์กรไม่จำเป็นต้องลงทุนในโปรแกรมการฝึกอบรมราคาแพง
- ช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจของพนักงาน พนักงานที่ได้รับการสอนงานจะรู้สึกได้รับการสนับสนุน รู้สึกมีคุณค่า และมีขวัญกำลังใจในการทำงาน
เทคนิคการสอนงาน
- การวางแผน ผู้สอนงานควรวางแผนการสอนล่วงหน้า กำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ เนื้อหา วิธีการสอน และระยะเวลาที่ใช้ในการฝึกอบรม
- การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ ผู้สอนงานควรสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกสนาน ผ่อนคลาย ปลอดภัย และเอื้อต่อการเรียนรู้
- การให้ Feedback ผู้สอนงานควรให้ Feedback แก่ผู้รับการสอนงานอย่างสม่ำเสมอ เน้นจุดแข็ง เสนอแนะแนวทางการพัฒนา และให้กำลังใจ
- การติดตามผล ผู้สอนงานควรติดตามผลการเรียนรู้ของผู้รับการสอนงาน เพื่อประเมินผลและปรับการสอนให้เหมาะสม
การสอนงาน เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาบุคลากร องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการสอนงาน จะมีพนักงานที่มีความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมที่จำเป็นสำหรับการทำงาน สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างผลลัพธ์ที่ดีให้กับองค์กร และเติบโตในหน้าที่การงาน
ทักษะการสอนที่สำคัญและจำเป็น
ทักษะการสอนที่มีประสิทธิภาพ เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้สอนสามารถปลดล็อกศักยภาพของผู้เรียน นำไปสู่การเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายการศึกษา และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เรียนรักในการเรียนรู้
ทักษะการสอนที่สำคัญและจำเป็น แบ่งออกเป็น 10 ประเภท ดังนี้
1. การบรรยาย (Lectures)
- เหมาะสำหรับการนำเสนอเนื้อหาหลัก อธิบายแนวคิด ทฤษฎี และหลักการ
- ผู้สอนควรมีทักษะการสื่อสารที่ดี สามารถอธิบายเนื้อหาได้อย่างชัดเจน กระชับ และน่าสนใจ
- ควรใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย สอดแทรกตัวอย่าง กิจกรรม และสื่อการสอน เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เรียน
2. การใช้คำถาม (The question)
- ช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนคิดวิเคราะห์ ตั้งคำถาม และหาคำตอบด้วยตนเอง
- ผู้สอนควรออกแบบคำถามที่หลากหลาย ครอบคลุมเนื้อหา และกระตุ้นให้เกิดการอภิปราย
- ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนความรู้ และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
3. การสาธิต (Demonstration)
- ช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจวิธีการทำงาน ขั้นตอนการปฏิบัติ และเทคนิคต่างๆ
- ผู้สอนควรสาธิตอย่างชัดเจน ถูกต้อง และเป็นลำดับขั้น
- ควรอธิบายรายละเอียด ตอบคำถาม และให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติตาม
4. การฝึกปฏิบัติ (Practice)
- ช่วยให้ผู้เรียนได้ลงมือทำ ฝึกฝนทักษะ และเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
- ผู้สอนควรออกแบบกิจกรรมการฝึกปฏิบัติที่หลากหลาย เหมาะสมกับระดับความสามารถของผู้เรียน
- ควรให้คำแนะนำ ติดตามผล และประเมินผลการฝึกปฏิบัติ
5. การอภิปรายแบบกลุ่ม (Group Discuss)
- ช่วยให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรียนรู้จากมุมมองที่หลากหลาย และพัฒนาทักษะการสื่อสาร
- ผู้สอนควรตั้งประเด็นที่ชัดเจน กระตุ้นให้เกิดการอภิปราย และควบคุมเวลาให้เหมาะสม
- ควรสรุปประเด็นสำคัญ และให้ข้อเสนอแนะแก่ผู้เรียน
6. การระดมความคิด (Brainstorming)
- ช่วยให้ผู้เรียนได้คิดสร้างสรรค์ เสนอแนะแนวคิดใหม่ๆ และแก้ไขปัญหา
- ผู้สอนควรสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เปิดกว้าง และไม่มีการตัดสิน
- ควรบันทึกไอเดียต่างๆ จัดหมวดหมู่ และวิเคราะห์ความเป็นไปได้
7. การแสดงบทบาทสมมุติ (Role Playing)
- ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนทักษะการสื่อสาร การแก้ไขปัญหา และการทำงานเป็นทีม
- ผู้สอนควรออกแบบสถานการณ์ที่สมจริง กำหนดบทบาท และอธิบายกฎกติกา
- ควรประเมินผลการแสดง วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน และให้ข้อเสนอแนะ
8. การใช้เกม (Game)
- ช่วยให้การเรียนรู้สนุกสนาน ผ่อนคลาย และดึงดูดความสนใจของผู้เรียน
- ผู้สอนควรเลือกเกมที่เหมาะสมกับเนื้อหา วัย และจำนวนผู้เรียน
- ควรออกแบบกติกา อธิบายวิธีการเล่น และควบคุมเวลาให้เหมาะสม
9. กรณีศึกษา (Case Study)
- ช่วยให้ผู้เรียนได้วิเคราะห์สถานการณ์จริง ตัดสินใจ และแก้ไขปัญหา
- ผู้สอนควรเลือกกรณีศึกษาที่น่าสนใจ เกี่ยวข้องกับเนื้อหา และมีข้อมูลครบถ้วน
- ควรกระตุ้นให้ผู้เรียนวิเคราะห์ อภิปราย และเสนอแนะแนวทางการแก้ไข
10. สถานการณ์จำลอง (Simulation)
- ช่วยให้ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติในสภาพแวดล้อมที่เสมือนจริง เตรียมความพร้อม และรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ผู้สอนควรออกแบบสถานการณ์จำลองที่มีความซับซ้อน และท้าทาย
- ควรให้ข้อมูล อุปกรณ์ และทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อให้ผู้เรียนสามารถปฏิบัติงานได้อย่างสมจริง
- ควรประเมินผลการปฏิบัติ วิเคราะห์ข้อผิดพลาด และให้ข้อเสนอแนะ เพื่อให้ผู้เรียนเรียนรู้จากประสบการณ์
การเลือกใช้ทักษะการสอนที่เหมาะสม
ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- เนื้อหาการเรียน: เนื้อหาบางอย่างเหมาะกับการบรรยาย เช่น ความรู้พื้นฐาน ในขณะที่เนื้อหาบางอย่างเหมาะกับการฝึกปฏิบัติ เช่น ทักษะการใช้เครื่องมือ
- ระดับความสามารถของผู้เรียน: ผู้เรียนระดับเบื้องต้นอาจจะเหมาะกับการบรรยายและสาธิต ในขณะที่ผู้เรียนระดับสูงอาจจะเหมาะกับการอภิปรายและกรณีศึกษา
- เป้าหมายการเรียนรู้: หากต้องการให้ผู้เรียนมีความรู้พื้นฐาน ผู้สอนอาจจะใช้การบรรยาย แต่หากต้องการให้ผู้เรียนสามารถปฏิบัติงานได้ ผู้สอนอาจจะใช้การฝึกปฏิบัติ
การใช้ทักษะการสอนที่หลากหลาย จะช่วยให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพ น่าสนใจ และตรงตามเป้าหมาย ผู้เรียนจะไม่รู้สึกเบื่อ เกิดการมีส่วนร่วม และสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนการเตรียมการก่อนมีการสอนงานจริง
การสอนงานเป็นกระบวนการที่สำคัญ ช่วยให้พนักงานเรียนรู้ทักษะและความรู้ที่จำเป็นสำหรับการทำงาน บรรลุเป้าหมายของงาน และเติบโตในหน้าที่การงาน ดังนั้น ผู้สอนงานจึงจำเป็นต้องเตรียมการอย่างรอบคอบ เพื่อให้การสอนงานมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้
ขั้นตอนการเตรียมการก่อนมีการสอนงานจริง
- วิเคราะห์ความต้องการ ผู้สอนงานควรวิเคราะห์ความต้องการของผู้รับการสอนงาน ว่ามีความรู้ ทักษะ และพฤติกรรมใดบ้างที่จำเป็นสำหรับการทำงาน วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน และความต้องการของผู้รับการสอนงานแต่ละคน เพื่อออกแบบโปรแกรมการสอนงานที่เหมาะสม
- กำหนดเป้าหมาย ผู้สอนงานควรตั้งเป้าหมายการสอนงานที่ชัดเจน วัดผลได้ และบรรลุได้ เป้าหมายควรสอดคล้องกับความต้องการขององค์กร ความต้องการของผู้รับการสอนงาน และกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง
- ออกแบบเนื้อหา ผู้สอนงานควรออกแบบเนื้อหาการสอนงานให้สอดคล้องกับเป้าหมาย ครอบคลุมหัวข้อที่จำเป็น และเหมาะสมกับระดับความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ของผู้รับการสอนงาน เนื้อหาควรมีทั้งทฤษฎี ตัวอย่าง และกิจกรรมการฝึกปฏิบัติ
- เลือกวิธีการสอน ผู้สอนงานควรเลือกวิธีการสอนที่หลากหลาย เหมาะสมกับเนื้อหา และดึงดูดความสนใจของผู้รับการสอนงาน วิธีการสอนอาจจะรวมถึงการบรรยาย การสาธิต การฝึกปฏิบัติ การอภิปราย การระดมความคิด การแสดงบทบาทสมมุติ การใช้เกม กรณีศึกษา และสถานการณ์จำลอง
- เตรียมสื่อการสอน ผู้สอนงานควรเตรียมสื่อการสอนที่หลากหลาย ดึงดูดความสนใจ และช่วยให้ผู้รับการสอนงานเข้าใจเนื้อหาได้อย่างง่ายดาย สื่อการสอนอาจจะรวมถึงเอกสาร รูปภาพ วิดีโอ สไลด์ อุปกรณ์การฝึกปฏิบัติ และสถานการณ์จำลอง
- เตรียมสถานที่ ผู้สอนงานควรเตรียมสถานที่ให้เหมาะสมกับการสอนงาน ปลอดภัย เงียบสงบ และมีอุปกรณ์ที่จำเป็นครบถ้วน
- เตรียมตนเอง ผู้สอนงานควรเตรียมตนเองให้พร้อม มีความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ที่จำเป็นสำหรับการสอนงาน เตรียมตัวทั้งด้านเนื้อหา วิธีการสอน และสื่อการสอน รวมทั้งเตรียมใจ เตรียมตัว และใจเย็น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น
การวิเคราะห์งาน คือ
การวิเคราะห์งาน (Job Analysis) เป็นกระบวนการที่ใช้ในการศึกษา รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับงานแต่ละตำแหน่งในองค์กร
วัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์งาน
- เพื่อระบุหน้าที่ ความรับผิดชอบ และภาระงานของแต่ละตำแหน่ง
- เพื่อกำหนดคุณสมบัติ ความรู้ ทักษะ และประสบการณ์ที่จำเป็นสำหรับแต่ละตำแหน่ง
- เพื่อออกแบบระบบการสรรหา คัดเลือก ฝึกอบรม พัฒนา และประเมินผลการทำงาน
- เพื่อกำหนดค่าจ้างและสวัสดิการให้เหมาะสมกับแต่ละตำแหน่ง
- เพื่อปรับปรุงระบบงาน กระบวนการทำงาน และสภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
- เพื่อส่งเสริมความปลอดภัย สุขภาพ และความพึงพอใจในการทำงาน
แผนการสอน (SESSION PLAN)/ใบเตรียมการสอน
หัวข้อ: การสอนงานเกี่ยวกับวิธีการขายสินค้า
ผู้สอน: [ชื่อผู้สอน]
ผู้เรียน: [ชื่อผู้รับการสอนงาน]
วันที่: [วันที่]
เวลา: [เวลา]
สถานที่: [สถานที่]
วัตถุประสงค์
- ผู้รับการสอนงานสามารถอธิบายคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเข้าใจ
- ผู้รับการสอนงานสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้อย่างถูกต้อง
- ผู้รับการสอนงานสามารถปิดการขายได้สำเร็จ
เนื้อหา
บทนำ
- แนะนำตัว อธิบายวัตถุประสงค์ของการสอนงาน
- อธิบายภาพรวมของหัวข้อการสอน
คุณสมบัติของผลิตภัณฑ์:
- อธิบายคุณสมบัติหลักของผลิตภัณฑ์
- อธิบายคุณสมบัติเพิ่มเติมของผลิตภัณฑ์
- อธิบายประโยชน์ของผลิตภัณฑ์
การตอบคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
- เทคนิคการตอบคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
- ตัวอย่างคำถามที่พบบ่อย
- แหล่งข้อมูลสำหรับการตอบคำถาม
การปิดการขาย
- เทคนิคการปิดการขาย
- ตัวอย่างประโยคปิดการขาย
- การจัดการกับข้อโต้แย้งของลูกค้า
สรุป
- สรุปเนื้อหาที่สอน
- ตอบคำถาม
- ประเมินผลการเรียนรู้
กิจกรรม
- กิจกรรม ผู้รับการสอนงานจะแบ่งกลุ่มเป็นคู่ เพื่อฝึกอธิบายคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าเข้าใจ โดยผู้สอนจะทำหน้าที่เป็นลูกค้า
- กิจกรรม ผู้รับการสอนงานจะฝึกตอบคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ โดยผู้สอนจะสุ่มถามคำถาม
- กิจกรรม ผู้รับการสอนงานจะฝึกปิดการขาย โดยผู้สอนจะทำหน้าที่เป็นลูกค้า
สื่อการสอน
- เอกสารเกี่ยวกับคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์
- ตัวอย่างคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
- บทบาทสมมุติการปิดการขาย
การประเมินผล
- ผู้สอนจะประเมินผลการเรียนรู้ของผู้รับการสอนงาน โดยพิจารณาจากการมีส่วนร่วมในกิจกรรม ความถูกต้องของข้อมูล และทักษะการสื่อสาร
หมายเหตุ
- แผนการสอนนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม
- ผู้สอนควรเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการสอนงาน
- ผู้สอนควรสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกสนาน ผ่อนคลาย และเอื้อต่อการเรียนรู้
สรุป
การสอนงานแบบ OJT สู่การเป็นผู้สอนงานมืออาชีพไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่าย แต่หากผู้สอนมีความเชี่ยวชาญในงานของตนเองและสามารถสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและกระตือรือร้น ผู้เรียนก็จะสามารถเป็นผู้สอนงานมืออาชีพได้อย่างเป็นทางการและมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน ดังนั้น ความตั้งใจและการพัฒนาตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการสร้างผู้สอนงานมืออาชีพที่มีคุณภาพ