บทความ

เทคนิคการบริหารเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (Effective Time Management)

เทคนิคการบริหารเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (Effective Time Management)

เทคนิคการบริหารเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน (Effective Time Management)

หากคุณต้องการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การบริหารเวลาเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าและจำกัด การใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถทำงานได้มากขึ้นในระยะเวลาที่มีอยู่ HR-ODTHAI.COM มี เทคนิคการบริหารเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ให้ทุกท่านได้อ่านกันนะคะ

การบริหารเวลา

การบริหารเวลา

การบริหารเวลา

การบริหารเวลา เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ พนักงาน นักเรียน นักศึกษา หรือบุคคลทั่วไป ล้วนต้องเผชิญกับความท้าทายในการจัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมาย และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

1. การบริหารเวลาในทางธุรกิจ

ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน เวลาคือสิ่งมีค่า การบริหารเวลาอย่างชาญฉลาด ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่น บรรลุเป้าหมาย สร้างผลกำไร และนำไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ดังนี้

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน: จัดลำดับความสำคัญ โฟกัสกับงานหลัก จัดการงานให้เสร็จตามกำหนด ลดการเสียเวลา ทำงานได้มากขึ้น
  • ลดความเครียด: จัดการเวลาอย่างมีระบบ ลดภาระงาน ป้องกันงานล้นมือ ลดความเครียด เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
  • สร้างโอกาสใหม่ๆ: มีเวลาศึกษาหาความรู้ ติดตามเทรนด์ พัฒนาทักษะ มองหาโอกาสใหม่ ขยายธุรกิจ
  • เสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดี: บริหารเวลา รักษาเวลา ทำให้ธุรกิจดูน่าเชื่อถือ สร้างความประทับใจให้กับลูกค้า คู่ค้า และพันธมิตร
  • ประหยัดค่าใช้จ่าย: บริหารเวลา ทำงานเสร็จเร็ว ลดการจ้างงานล่วงเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย เพิ่มผลกำไร

2. การบริหารเวลาสำหรับความเจริญในอุตสาหกรรม

ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การบริหารเวลาอย่างชาญฉลาด เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนี้

  • ติดตามเทรนด์: มีเวลาศึกษาเทรนด์ใหม่ๆ พัฒนาสินค้า บริการ และกลยุทธ์ ให้ทันกับความต้องการของตลาด
  • พัฒนาทักษะ: มีเวลาเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ พัฒนาทักษะเดิม เพิ่มขีดความสามารถ รองรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม
  • สร้างสรรค์นวัตกรรม: มีเวลาคิดค้น พัฒนา ทดลองสิ่งใหม่ๆ สร้างสรรค์นวัตกรรม นำไปสู่ความได้เปรียบทางการแข่งขัน
  • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต: บริหารเวลา จัดการกระบวนการผลิต ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน
  • สร้างความสัมพันธ์: มีเวลาพบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนความรู้ สร้างความสัมพันธ์กับผู้คนในอุตสาหกรรม ขยายโอกาสทางธุรกิจ

3. การบริหารเวลาในทางชีวิต

การบริหารเวลาไม่ใช่แค่เรื่องงาน แต่ยังส่งผลต่อชีวิตส่วนตัว ความสุข และความสำเร็จในชีวิต ดังนี้

  • บรรลุเป้าหมายส่วนตัว: ตั้งเป้าหมาย วางแผน จัดสรรเวลา ลงมือทำ บรรลุความฝัน ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
  • สร้างสมดุลชีวิต: แบ่งเวลาให้กับงาน ครอบครัว เพื่อนฝูง และตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข สมดุล
  • ลดความเครียด: จัดการเวลา ลดภาระงาน ลดความเครียด มีเวลาพักผ่อน ดูแลสุขภาพกายและใจ
  • พัฒนาตนเอง: มีเวลาอ่านหนังสือ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พัฒนาทักษะ เติมเต็มศักยภาพ
  • ใช้เวลากับคนที่รัก: มีเวลาให้กับครอบครัว เพื่อนฝูง สร้างความสัมพันธ์ที่ดี เติมเต็มความสุขในชีวิต

การบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ

การบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ

การบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ

การบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ แบ่งเวลาอย่างชาญฉลาดเพื่อความสำเร็จในทุกด้าน การบริหารเวลาเปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ พนักงาน นักเรียน นักศึกษา หรือบุคคลทั่วไป ล้วนต้องเผชิญกับความท้าทายในการจัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมาย และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

กุญแจสำคัญ คือการแบ่งเวลาอย่างชาญฉลาด ให้เหมาะสมกับบทบาทและความรับผิดชอบในแต่ละด้าน ดังนี้

1. เวลาสำหรับด้าน "บริหารงานของตนเอง"

  • โฟกัสกับงานหลัก: กำหนดงานสำคัญเร่งด่วน จัดลำดับความสำคัญ จัดการงานให้เสร็จตามกำหนด หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน
  • วางแผนและจัดตารางเวลา: วางแผนงานล่วงหน้า จัดตารางเวลาให้ชัดเจน เผื่อเวลาสำหรับงานแต่ละงาน รวมถึงเวลาพักเบรก
  • มอบหมายงาน: มอบหมายงานให้ลูกน้องหรือผู้อื่น เมื่อสามารถทำได้ เพื่อแบ่งเบาภาระงาน และช่วยให้มีเวลาโฟกัสกับงานสำคัญ
  • พัฒนาทักษะ: หาเวลาเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ พัฒนาทักษะเดิม เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
  • ติดตามผล: ติดตามผลงานอย่างสม่ำเสมอ ประเมินผลลัพธ์ ปรับปรุงแก้ไข พัฒนาการทำงาน

2. เวลาสำหรับด้าน "บริหาร/พัฒนาลูกน้อง"

  • สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ: สื่อสารกับลูกน้องอย่างชัดเจน ตรงประเด็น เข้าใจง่าย สร้างบรรยากาศที่ดี
  • ให้คำแนะนำและฝึกอบรม: ให้คำแนะนำ ฝึกอบรม พัฒนาทักษะ ส่งเสริมความสามารถของลูกน้อง
  • มอบหมายงานและติดตามผล: มอบหมายงานที่เหมาะสมกับทักษะ ความสามารถ ติดตามผล ประเมินผล ให้คำติชม
  • สร้างแรงจูงใจ: กระตุ้น สร้างแรงจูงใจ ให้ลูกน้องทำงานอย่างเต็มศักยภาพ
  • แก้ไขปัญหา: รับฟังปัญหา ให้คำปรึกษา ช่วยเหลือ แก้ไขปัญหา สร้างความสัมพันธ์ที่ดี

3. เวลาสำหรับด้าน "ชีวิตส่วนตัว"

  • มีเวลาให้กับตัวเอง: ใช้เวลาพักผ่อน ผ่อนคลาย ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ เติมพลังให้กับตัวเอง
  • พัฒนาตัวเอง: หาเวลาอ่านหนังสือ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พัฒนาทักษะ เติมเต็มศักยภาพ
  • ใช้เวลากับเพื่อนฝูง: พบปะ พูดคุย สร้างความสัมพันธ์ที่ดี เติมเต็มความสุข
  • ทำกิจกรรมเพื่อสังคม: ช่วยเหลือผู้อื่น ทำกิจกรรมเพื่อสังคม สร้างความหมายให้กับชีวิต

4. เวลาสำหรับด้าน "ครอบครัว/คนที่รัก"

  • ใช้เวลากับครอบครัว: ทานข้าวร่วมกัน ทำกิจกรรมร่วมกัน พูดคุย สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
  • ดูแลเอาใจใส่: ดูแล เอาใจใส่ ให้ความสำคัญกับครอบครัว คนที่รัก
  • สร้างความทรงจำ: ท่องเที่ยว ทำกิจกรรมพิเศษ สร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน
  • สื่อสารด้วยความรัก: สื่อสารด้วยความรัก ความเข้าใจ อดทน ให้อภัย

หาจุดยืนช่วยการบริหารเวลา URGENT VS. IMPORTANT

หาจุดยืนช่วยการบริหารเวลา URGENT VS. IMPORTANT

หาจุดยืนช่วยการบริหารเวลา URGENT VS. IMPORTANT

จุดยืนช่วยการบริหารเวลา แยกแยะ URGENT VS. IMPORTANT สู่ความสำเร็จ

การบริหารเวลา เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักธุรกิจ ผู้ประกอบการ พนักงาน นักเรียน นักศึกษา หรือบุคคลทั่วไป ล้วนต้องเผชิญกับความท้าทายในการจัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุเป้าหมาย และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

กุญแจสำคัญ คือการแยกแยะความ เร่งด่วน (URGENT) ออกจากความ สำคัญ (IMPORTANT) ดังนี้

งานเร่งด่วน (URGENT)

  • เป็นงานที่จำเป็นต้องทำทันที หากไม่ทำจะเกิดผลเสียตามมา
  • มักถูกกำหนดโดยผู้อื่น เช่น หัวหน้างาน ลูกค้า หรือสถานการณ์ฉุกเฉิน
  • มักสร้างความเครียด กดดัน ทำให้รู้สึกเร่งรีบ วุ่นวาย

ตัวอย่างงานเร่งด่วน

  • ตอบอีเมลฉุกเฉิน
  • เตรียมเอกสารสำหรับประชุมด่วน
  • แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับระบบคอมพิวเตอร์

งานสำคัญ (IMPORTANT)

  • เป็นงานที่มีผลต่อเป้าหมาย ความสำเร็จ หรือความก้าวหน้า
  • เป็นงานที่คุณเลือกทำ ด้วยความตั้งใจ สอดคล้องกับเป้าหมายส่วนตัว
  • ส่งผลดีต่อระยะยาว สร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืน

ตัวอย่างงานสำคัญ

  • วางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ
  • เขียนรายงานประจำปี
  • พัฒนาทักษะใหม่ ๆ

วิธีแยกแยะงาน URGENT VS. IMPORTANT

  • ถามตัวเองว่า "งานนี้จำเป็นต้องทำทันทีหรือไม่?" "งานนี้ส่งผลต่อเป้าหมายของฉันหรือไม่?"
  • จัดลำดับความสำคัญ งานสำคัญควรมาก่อนงานเร่งด่วน
  • กำหนดเวลา สำหรับงานสำคัญ จัดตารางเวลาให้ชัดเจน เผื่อเวลาให้เพียงพอ
  • เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ งานที่ไม่สำคัญ หรือไม่สอดคล้องกับเป้าหมาย
  • มอบหมายงาน งานที่สามารถมอบหมายให้ผู้อื่นทำได้ เพื่อแบ่งเบาภาระ
การบริหารเวลาที่ดี ต้องอาศัยการฝึกฝน อดทน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลองนำเทคนิคต่างๆ ไปปรับใช้ และค้นหาวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อบรรลุเป้าหมาย และใช้ชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดลำดับความสำคัญ

การจัดลำดับความสำคัญ เคล็ดลับการบริหารเวลาแบบประธานาธิบดี (Elsenhower Box)

การจัดลำดับความสำคัญ เคล็ดลับการบริหารเวลาแบบประธานาธิบดี (Elsenhower Box)

เทคนิคการจัดการเวลาแบบ "กล่องไอเซนฮาวร์" (Eisenhower Box) ตั้งชื่อตาม Dwight D. Eisenhower อดีตประธานาธิบดีคนที่ 34 ของสหรัฐอเมริกา เป็นเครื่องมือที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง ช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญของงาน บริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเครียด

วิธีใช้กล่องไอเซนฮาวร์

  1. วาดตาราง 4 ช่อง แบ่งเป็น 2 แกน แกนแนวนอนแบ่งเป็น "เร่งด่วน" (Urgent) และ "ไม่เร่งด่วน" (Not Urgent) แกนแนวตั้งแบ่งเป็น "สำคัญ" (Important) และ "ไม่สำคัญ" (Not Important)
  2. เขียนงานที่ต้องทำทั้งหมดลงในกล่อง พิจารณาจากความเร่งด่วนและความสำคัญของงาน
  3. จัดการงานในแต่ละกล่องดังนี้

กล่อง 1: เร่งด่วน & สำคัญ

  • งานที่ต้องทำทันที ส่งผลต่อเป้าหมายหลัก ควรจัดการเป็นอันดับแรก
  • ตัวอย่าง: ตอบอีเมลฉุกเฉิน เตรียมเอกสารสำหรับประชุมสำคัญ แก้ไขปัญหาที่ระบบล่ม

กล่อง 2: ไม่เร่งด่วน & สำคัญ

  • งานสำคัญ แต่ไม่จำเป็นต้องทำทันที ควรวางแผนจัดการเวลาล่วงหน้า
  • ตัวอย่าง: วางแผนกลยุทธ์ธุรกิจ เขียนรายงานประจำปี พัฒนาทักษะใหม่ ๆ

กล่อง 3: เร่งด่วน & ไม่สำคัญ

  • งานที่ต้องทำทันที แต่ไม่ส่งผลต่อเป้าหมายหลัก พยายามมอบหมายให้ผู้อื่นทำ
  • ตัวอย่าง: ตอบข้อความในโซเชียลมีเดีย เข้าประชุมที่ไม่สำคัญ จัดการงานเอกสารทั่วไป

กล่อง 4: ไม่เร่งด่วน & ไม่สำคัญ

  • งานที่ไม่จำเป็นต้องทำ ควรจัดการทีหลัง หรือตัดสินใจว่าจะไม่ทำ
  • ตัวอย่าง: เล่นโซเชียลมีเดีย ดูทีวี อ่านข่าวสารที่ไม่เกี่ยวข้อง

ข้อดีของการใช้กล่องไอเซนฮาวร์

  • ช่วยให้เห็นภาพรวมของงานที่ต้องทำ
  • จัดลำดับความสำคัญของงานได้อย่างชัดเจน
  • มุ่งเน้นไปที่งานสำคัญ ละเลยงานที่ไม่สำคัญ
  • ลดความเครียด เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
  • บริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น

ทักษะจำเป็นในการบริหารจัดการเวลา

ทักษะจำเป็นในการบริหารจัดการเวลา

ทักษะจำเป็นในการบริหารจัดการเวลา

การบริหารจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องอาศัยทักษะสำคัญหลายประการ ดังนี้

1. การจัดระบบ ระเบียบ อยู่เสมอ ๆ (Organization)

  • จัดระเบียบพื้นที่ทำงาน: เก็บของให้เป็นที่ หาของง่าย ไม่เสียเวลาหาของ
  • จัดระเบียบเอกสาร: จัดหมวดหมู่เอกสาร เก็บเอกสารให้เป็นที่ หาเอกสารง่าย
  • จัดระเบียบไฟล์: ตั้งชื่อไฟล์ให้ชัดเจน จัดหมวดหมู่ไฟล์ หาไฟล์ง่าย
  • จัดระเบียบตารางเวลา: จดบันทึกกิจกรรม นัดหมาย กำหนดเวลาสำหรับงานต่างๆ

2. การจัดลำดับความสำคัญ (Prioritization)

  • แยกแยะงานเร่งด่วน (URGENT) ออกจากงานสำคัญ (IMPORTANT): งานเร่งด่วนคือ งานที่จำเป็นต้องทำทันที หากไม่ทำจะเกิดผลเสียตามมา งานสำคัญคือ งานที่มีผลต่อเป้าหมาย ความสำเร็จ หรือความก้าวหน้า
  • จัดลำดับความสำคัญของงาน: งานสำคัญควรมาก่อนงานเร่งด่วน
  • กำหนดเวลาสำหรับงานสำคัญ: จัดตารางเวลาให้ชัดเจน เผื่อเวลาให้เพียงพอ

3. การตั้งจุดมุ่งหมาย (Goal-setting)

  • ตั้งเป้าหมายที่ SMART: Specific (เจาะจง) Measurable (วัดผลได้) Achievable (บรรลุได้) Relevant (เกี่ยวข้อง) Time-bound (มีกรอบเวลา)
  • แบ่งเป้าหมายใหญ่ ๆ ออกเป็นเป้าหมายย่อย ๆ: จัดการทีละส่วน บรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น
  • ติดตามผล: ประเมินผลลัพธ์ ปรับปรุงแก้ไข พัฒนาการทำงาน

4. การสื่อสาร (Communication)

  • สื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน: แจ้งให้ทราบเกี่ยวกับงาน แผนงาน ความคืบหน้า ปัญหา อุปสรรค
  • สื่อสารกับลูกน้อง: มอบหมายงาน ติดตามผล ให้คำติชม แก้ไขปัญหา
  • สื่อสารกับหัวหน้างาน: รายงานผลงาน ขอคำแนะนำ ปรึกษาปัญหา

5. การวางแผนงาน (Planning)

  • วางแผนล่วงหน้า: คิดวิเคราะห์ วางแผน จัดลำดับขั้นตอน เผื่อเวลาสำหรับงานต่างๆ
  • กำหนดเป้าหมาย: ระบุเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ บรรลุได้ เกี่ยวข้อง มีกรอบเวลา
  • จัดเตรียมทรัพยากร: บุคคล อุปกรณ์ เงินทุน ข้อมูล ที่จำเป็นสำหรับการทำงาน
  • เผื่อเวลาสำหรับสิ่งที่ไม่คาดคิด: เผื่อเวลาสำหรับปัญหา อุปสรรค เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด

6. การมอบหมายงาน (Delegation)

  • มอบหมายงานให้ผู้อื่น: เมื่อสามารถทำได้ เพื่อแบ่งเบาภาระงาน และช่วยให้มีเวลาโฟกัสกับงานสำคัญ
  • เลือกบุคคลที่เหมาะสม: มีทักษะ ความสามารถ ประสบการณ์ เพียงพอสำหรับงานนั้นๆ
  • สื่อสารอย่างชัดเจน: แจ้งรายละเอียดของงาน เป้าหมาย ความคาดหวัง กรอบเวลา
  • ติดตามผล: ประเมินผลลัพธ์ ให้คำติชม แก้ไขปัญหา

7. การบริหารจัดการความตึงเครียด (Stress management)

  • รู้เท่าทันความเครียด: สังเกตสัญญาณเตือนของความเครียด เช่น ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ หงุดหงิด วิตกกังวล
  • หาสาเหตุของความเครียด: วิเคราะห์ว่าอะไรคือสาเหตุของความเครียด เพื่อหาทางแก้ไข
  • เทคนิคการจัดการความเครียด: ออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ ผ่อนคลาย ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ พูดคุยกับเพื่อน ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

การบริหารเวลาแบบมะเขือเทศ Pomodoro Technique

การบริหารเวลาแบบมะเขือเทศ Pomodoro Technique

การบริหารเวลาแบบมะเขือเทศ Pomodoro Technique

Pomodoro Technique หรือ เทคนิคการบริหารเวลาแบบมะเขือเทศ เป็นเทคนิคการจัดการเวลาที่คิดค้นโดย Francesco Cirillo ชาวอิตาลี ตั้งชื่อตามนาฬิกาจับเวลาทรงมะเขือเทศที่เขาใช้ในช่วงมหาวิทยาลัย

หลักการของ Pomodoro Technique

  • แบ่งเวลาการทำงานออกเป็นช่วงสั้นๆ ช่วงละ 25 นาที เรียกว่า "Pomodoro"
  • หลังจากทำงานครบ 25 นาที พักเบรก 5 นาที
  • ทำซ้ำเป็นชุดๆ 4 ชุด แล้วพักเบรกยาว 15-30 นาที
  • ใช้มะเขือเทศหรือตัวจับเวลา เพื่อติดตามเวลา
  • จดจ่อกับงาน หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน

ประโยชน์ของ Pomodoro Technique

  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: ช่วยให้โฟกัสกับงาน ทำงานเสร็จเร็วขึ้น
  • ลดความเครียด: ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความตึงเครียด
  • เพิ่มความคิดสร้างสรรค์: ช่วยให้สมองได้พัก คิดไอเดียใหม่ๆ
  • บรรลุเป้าหมาย: ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีระบบ บรรลุเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

วิธีใช้ Pomodoro Technique

  1. เตรียมสถานที่ทำงาน: เก็บของให้เป็นระเบียบ ปิดการแจ้งเตือน หาที่เงียบสงบ
  2. เลือกงานที่ต้องทำ: เลือกงานที่ต้องการโฟกัส จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำ
  3. ตั้งเวลา 25 นาที: ใช้มะเขือเทศหรือตัวจับเวลา จดจ่อกับงาน หลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน
  4. เมื่อครบ 25 นาที: หยุดทำงาน พักเบรก 5 นาที ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ดื่มน้ำ ทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย
  5. ทำซ้ำเป็นชุดๆ: ทำงานต่ออีก 25 นาที พักเบรก 5 นาที ทำซ้ำอีก 3 ชุด
  6. พักเบรกยาว: หลังจากครบ 4 ชุด พักเบรกยาว 15-30 นาที ทำกิจกรรมที่ชื่นชอบ
  7. จดบันทึก: จดบันทึกจำนวน Pomodoro ที่ทำ ประเมินผลลัพธ์ ปรับปรุงแก้ไข

สรุป

เทคนิคการบริหารเวลา มีมากมาย แต่ละเทคนิคมีข้อดี ข้อเสีย และเหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ลองเลือกเทคนิคที่เหมาะกับคุณ นำไปปรับใช้ และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาทักษะการบริหารเวลา เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และบรรลุเป้าหมาย

ตัวอย่างการสอน การบริหารเวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน (EFFECTIVE TIME MANAGEMENT)





Topprofessional And Development

สถาบันฝึกอบรมและที่ปรึกษาทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์และองค์กร บริการให้คำปรึกษาด้านระบบ ISO แบบครบวงจรด้วยหลักสูตรคุณภาพอาจารย์ผู้สอนมากด้วยประสบการณ์

วันทำการ ( จันทร์ - เสาร์ เวลา 8:00 - 17:00 น. )

ติดตามเรา

icon-facebookicon-lineicon-youtubeicon-tiktok
Copyright 2023 © HERMES Digital Marketing . All Rights Reserved