เทคนิคในการกำหนด KPIs
- เชื่อมโยงกับเป้าหมายของธุรกิจ ต้องมีความสัมพันธ์กับเป้าหมายหลักของธุรกิจ โดยที่ KPIs จะช่วยในการวัดความสำเร็จของการติดตามและดำเนินงานตามเป้าหมายนั้น ๆ
- สมดุลและเป็นไปได้ ควรเลือก KPIs ที่มีความสัมพันธ์และสมดุลกับด้านต่าง ๆ ของธุรกิจ เพื่อให้การวัดผลเป็นไปอย่างครอบคลุมและสมบูรณ์
- มีความระเอียดและสอดคล้อง KPIs ควรจะถูกกำหนดให้มีระดับของรายละเอียดที่เพียงพอเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์และการตัดสินใจ แต่ก็ไม่ควรจะซับซ้อนเกินไป
- วัดได้และสามารถบริหาร KPIs ควรจะเลือกให้มีข้อมูลที่เข้าถึงและสามารถวัดได้ และสามารถทำให้ทีมงานสามารถมีการปรับปรุงผลการดำเนินงานได้
- เป็นสิ่งที่สามารถวัดได้ ดัชนีชี้วัดควรจะเป็นสิ่งที่สามารถวัดได้โดยตรง โดยใช้ข้อมูลที่เป็นจริงหรือสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ควรเป็นเพียงความรู้สึกหรือเบ่งบาน
- เป็นแรงจูงใจ ควรให้ KPIs มีความสัมพันธ์กับการสร้างแรงจูงใจให้กับทีมงาน เพื่อสร้างกรอบคิดเชิงบวกในการทำงานและกระตุ้นผลการดำเนินงาน
- มีการติดตามและปรับปรุง หลังจากที่กำหนด KPIs แล้ว ควรมีกระบวนการในการติดตามและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าตัวชี้วัดเหล่านี้กำลังช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
การกำหนด KPIs ที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความชำนาญ และการศึกษาอย่างละเอียด การประยุกต์ใช้เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า KPIs ที่กำหนดนั้นสามารถช่วยให้ธุรกิจบรรลุผลสำเร็จ และเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs (Key Performance Indicators)
ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จหรือ KPIs (Key Performance Indicators) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินประสิทธิภาพขององค์กร ธุรกิจ หรือกิจกรรมต่าง ๆ โดยมักจะถูกกำหนดขึ้นโดยใช้เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้บรรลุ ดัชนีชี้วัดเหล่านี้จะช่วยให้ทีมงานและผู้บริหารเข้าใจถึงความสำเร็จและประสิทธิภาพของกิจกรรมหรือกลุ่มงานต่าง ๆ ในองค์กรได้อย่างชัดเจน
ตัวอย่างของ KPIs ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่
- ยอดขาย จำนวนเงินที่องค์กรขายได้ในระยะเวลาที่กำหนด เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพของฝ่ายขายและการตลาด
- กำไรสุทธิ มูลค่าของกำไรหรือกำไรสุทธิหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่แสดงถึงความสมบูรณ์ของธุรกิจ
- ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตหรือให้บริการต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ช่วยในการวัดประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตและการบริการ
- อัตราการเสี่ยง (Risk Rate) การวัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจ โดยคำนวณจากจำนวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน่วยเวลาหรือเงินทุนลงทุน
- ความพึงพอใจของลูกค้า การวัดระดับความพึงพอใจของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยใช้สำรวจความคิดเห็นหรือการประเมินโดยลูกค้า
- อัตราการรักษาลูกค้า (Customer Retention Rate) จำนวนลูกค้าที่กลับมาใช้บริการหรือซื้อสินค้าอีกครั้ง เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการรักษาลูกค้า
- ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร การวัดประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายทรัพยากรมนุษย์ พื้นที่ หรือพลังงาน เป็นต้น
- อัตราการลาออกของพนักงาน (Employee Turnover Rate) อัตราการลาออกของพนักงานในองค์กร ช่วยในการวัดความพึงพอใจและความสำเร็จของนโยบายการจัดการทรัพยากรมนุษย์
- ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability) การวัดความสามารถในการปรับตัวต่อสถานการณ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในสายงานหรืออุตสาหกรรม
- ส่วนแบ่งตลาด (Market Share) สัดส่วนของตลาดที่องค์กรครอบครองหรือควบคุม เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดความสำเร็จของกิจกรรมการตลาด
การเลือกและกำหนด KPIs ควรจะสอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กรเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานและช่วยในการพัฒนาและปรับปรุงธุรกิจต่อไป โดยควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและความเชื่อถือได้ของข้อมูลที่ใช้ในการวัดดัชนีชี้วัดด้วย
วัตถุประสงค์ ของการจัดทำดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs (Key Performance Indicators)
การจัดทำดัชนีชี้วัดผลสำเร็จหรือ KPIs (Key Performance Indicators) มีวัตถุประสงค์หลักคือการช่วยให้องค์กรหรือธุรกิจมีการบริหารจัดการและวัดผลสำเร็จของกิจกรรมหรืองานต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
วัตถุประสงค์ของการจัดทำ KPIs สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้ดังนี้
- การวัดความสำเร็จ KPIs ช่วยให้ทีมงานและผู้บริหารเข้าใจถึงระดับความสำเร็จของกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ ในองค์กร โดยช่วยในการวัดผลลัพธ์ที่ได้รับจากการดำเนินงานและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานต่อไป
- การติดตามความก้าวหน้า การกำหนด KPIs ช่วยในการติดตามความก้าวหน้าของกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งสามารถช่วยในการระบุปัญหาและมีแผนการปรับปรุงต่อไปได้ทันที
- การวิเคราะห์และการตัดสินใจ KPIs ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ผู้บริหารทำการตัดสินใจในการปรับปรุงกิจกรรมหรือกลยุทธ์ต่าง ๆ ของธุรกิจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อไป
- การกำหนดและการปรับเปลี่ยนเป้าหมาย ผลจากการวัด KPIs ช่วยในการกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสมและการปรับเปลี่ยนเป้าหมายตามความเป็นไปได้และสภาพการณ์ของธุรกิจ
- การสร้างความรับผิดชอบ การกำหนด KPIs ช่วยสร้างความรับผิดชอบในทีมงานและบุคลากร โดยช่วยให้ทุกคนเข้าใจความสำคัญของงานและการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ
- การสร้างวัฒนธรรมการทำงาน การใช้ KPIs ช่วยในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่มุ่งเน้นการพัฒนาและปรับปรุงผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องในองค์กร
- การเสริมสร้างสมรรถนะ KPIs ช่วยในการสร้างและเสริมสร้างสมรรถนะของบุคลากร โดยช่วยให้พวกเขามีการใช้ทักษะและความสามารถของตนเองในการทำงานอย่างเหมาะสม
ดังนั้น การจัดทำ KPIs เป็นส่วนสำคัญที่มีผลสำคัญต่อการบริหารจัดการ และความสำเร็จขององค์กรหรือธุรกิจในระยะยาวและยังช่วยสร้างพลังจูงใจและความเชื่อมั่นให้กับทีมงานด้วย
ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs (Key Performance Indicators)
ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จหรือ KPIs (Key Performance Indicators) สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทได้ตามลักษณะของงานหรือกิจกรรมที่ต้องการวัดผลสำเร็จ ดังนี้
- ปริมาณ (Quantity)
- ปริมาณการผลิต: จำนวนสินค้าหรือบริการที่ผลิตขึ้นในระยะเวลาที่กำหนด
- ปริมาณการขาย: จำนวนสินค้าหรือบริการที่ขายได้ในระยะเวลาที่กำหนด
- คุณภาพ (Quality)
- ปริมาณของข้อผิดพลาด: จำนวนข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในการผลิตหรือให้บริการ
- ความถูกต้อง: อัตราการที่ผลิตภัณฑ์หรือบริการทำตามมาตรฐานหรือความต้องการของลูกค้า
- เวลา (Time)
- ระยะเวลาในการผลิต: เวลาที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือให้บริการ
- ระยะเวลาในการตอบรับลูกค้า: เวลาที่ใช้ในการตอบรับคำถามหรือความต้องการของลูกค้า
- ค่าใช้จ่าย (Cost)
- ต้นทุนการผลิต: ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือให้บริการ
- ราคาขายต่อหน่วย: ราคาที่ขายสินค้าหรือบริการต่อหน่วย
- ความพึงพอใจ (Satisfaction)
- ความพึงพอใจของลูกค้า: ระดับความพึงพอใจของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ
- ความพึงพอใจของพนักงาน: ระดับความพึงพอใจของพนักงานต่อสภาพแวดล้อมทำงานและโอกาสในการพัฒนาตนเอง
การกำหนดและใช้งาน KPIs เหล่านี้จะช่วยให้องค์กรมีการวัดและติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยในการปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป
ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs ปัจจัยการประเมิน เปรียบเทียบกับ แนวทางการพิจารณา
ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จหรือ KPIs (Key Performance Indicators) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินประสิทธิภาพของงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ในองค์กร การกำหนด KPIs นั้นมักจะพิจารณาปัจจัยหลายประการที่มีผลต่อความสำเร็จของงาน ดังนี้
- ปัจจัยการประเมิน KPIs:
- ความชัดเจน KPIs ควรมีการนิยามที่ชัดเจนและเข้าใจได้ง่าย เพื่อให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจและตีความได้เหมือนกัน
- วัตถุประสงค์ของงาน KPIs ควรเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ต้องการให้บรรลุในงานหรือโครงการ
- วัดได้ KPIs ควรเป็นตัวชี้วัดที่สามารถวัดได้โดยเชื่อถือได้และมีข้อมูลที่ตรวจสอบได้
- ตรงต่อเวลา KPIs ควรมีการวัดผลและรายงานตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้สามารถติดตามความก้าวหน้าได้อย่างสม่ำเสมอ
- เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ KPIs ควรเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์หรือแผนกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อให้มีการสอดคล้องกัน
- แนวทางการพิจารณา KPIs:
- SMART Criteria KPIs ควรเป็น SMART คือ Specific (เป้าหมายชัดเจน), Measurable (สามารถวัดได้), Achievable (เป็นไปได้), Relevant (เกี่ยวข้อง), Time-bound (มีระยะเวลากำหนด)
- Balanced Scorecard (BSC) ใช้ในการสมดุลระหว่างการวัดผลในมุมมองทางการเงิน, ลูกค้า, กระบวนการภายใน, และการเรียนรู้และการพัฒนา
- Key Results Area (KRA) การกำหนด KPIs โดยใช้เป้าหมายหรือพื้นที่ปฏิบัติงานสำคัญ ที่มีผลต่อความสำเร็จของหน่วยงานหรือบุคคล
การกำหนดตัวชี้วัด (Key Performance Indicators - KPIs)
การกำหนดตัวชี้วัด (Key Performance Indicators - KPIs) สำหรับหน่วยงานหรือองค์การมักจะเริ่มต้นจากการกำหนดวิสัยทัศน์ (Vision), กลยุทธ์ (Strategy), วัตถุประสงค์ (Objectives), ปัจจัยสำคัญที่สำคัญ (Critical Success Factors), และมุมมองและแผนการดำเนินการหลัก (Key Action Initiatives) ก่อนที่จะกำหนด KPIs ดังนี้
- วิสัยทัศน์ (Vision): กำหนดวิสัยทัศน์หรือวิสัยทัศน์ในอนาคตที่องค์การหรือหน่วยงานต้องการที่จะตามหา ในทางปฏิบัติวิสัยทัศน์จะเป็นการอธิบายทิศทางหรือการแสดงผลที่ต้องการให้องค์การหรือหน่วยงานนั้นๆ มุ่งเน้นไป
- กลยุทธ์ (Strategy): กลยุทธ์เป็นแผนการที่กำหนดโดยองค์กรหรือหน่วยงานเพื่อที่จะให้วิสัยทัศน์บรรลุได้ กลยุทธ์บ่งบอกถึงวิธีการใช้ทรัพยากรและแผนการดำเนินงานเพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์
- วัตถุประสงค์ (Objectives): กำหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ต้องการให้บรรลุในระยะเวลาที่กำหนด เป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนและสามารถวัดได้
- ปัจจัยสำคัญที่สำคัญ (Critical Success Factors): ปัจจัยสำคัญที่สำคัญ (CSF) คือปัจจัยหรือเหตุการณ์ที่จะส่งผลต่อความสำเร็จในการบรรลุวัตถุประสงค์ การระบุ CSF ช่วยให้องค์การหรือหน่วยงานมีความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญต่อความสำเร็จ
- ตัวชี้วัดผลสำเร็จ (Key Performance Indicators - KPIs): เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดและประเมินการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์และปัจจัยสำคัญ ประกอบด้วยตัวชี้วัดที่ชัดเจนและสามารถวัดได้
- แผนการดำเนินการหลัก (Key Action Initiatives): การกระทำหลักที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ รวมถึงการกำหนดกิจกรรมหรือแผนการทำงานที่เหมาะสมเพื่อให้ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรและทำให้ KPIs บรรลุเป้าหมาย
โดยการกำหนดและใช้ KPIs ในองค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ จะช่วยให้การวัดและประเมินผลการดำเนินงานเป็นระบบและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงการหรืองานต่าง ๆ ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพในการให้บริการหรือผลิตสินค้าต่อลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมีคุณภาพและเป็นรูปธรรมที่สุด
ตัวชี้วัดแต่ละระดับ
การกำหนดตัวชี้วัด (Key Performance Indicators - KPIs) สำหรับแต่ละระดับขององค์การหรือหน่วยงานมีความสำคัญในการเสริมสร้างการทำงานร่วมกันและการตรวจสอบความสำเร็จของกิจกรรมที่ต้องการให้บรรลุในระดับนั้น ๆ ต่อไป
- ตัวชี้วัดระดับองค์การ (Organization Indicators)
- กำไรสุทธิหรือกำไรก่อนหักค่าใช้จ่าย
- รายได้ทั้งหมดหรือมูลค่ารวมของการขาย
- อัตราการเติบโตขององค์การ
- ระดับความพึงพอใจของลูกค้า
- ระดับความพึงพอใจของพนักงาน
- อัตราการรักษาพนักงาน
- ต้นทุนการดำเนินงาน
- ตัวชี้วัดระดับหน่วยงาน (Department Indicators)
- ประสิทธิภาพในการให้บริการหรือผลิตสินค้า
- การปฏิบัติตามมาตรฐานและกระบวนการ
- ปริมาณงานที่สำเร็จตามเป้าหมาย
- ความถูกต้องและคุณภาพของงาน
- ระยะเวลาในการดำเนินงาน
- ระดับความพึงพอใจของลูกค้าภายในแผนก
- อัตราการลาออกของพนักงานในแผนก
- ตัวชี้วัดระดับบุคคล (Individual Indicators)
- ประสิทธิภาพในการทำงานรายบุคคล
- ปริมาณงานที่สำเร็จตามเป้าหมาย
- ระยะเวลาในการทำงาน
- การปฏิบัติตามมาตรฐานและกระบวนการ
- ระดับความพึงพอใจของลูกค้าที่ได้รับการรับรู้
- ความพัฒนาทักษะและความสามารถของบุคคล
- การปฏิบัติตามจรรยาบรรณและค่านิยมขององค์กร
การกำหนดตัวชี้วัดสำหรับแต่ละระดับนี้มีไว้เพื่อให้สามารถประเมินผลการดำเนินงานในทุกๆ ระดับขององค์การ และให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ข้อควรคำนึงในการกำหนดตัวชี้วัด KPIs ตามหลัก S-M- A-R-T
เมื่อกำหนดตัวชี้วัด (Key Performance Indicators - KPIs) ตามหลัก SMART จะช่วยให้ตัวชี้วัดมีความชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อการวัดและประเมินผลการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้คือข้อควรคำนึง
- Specific (เฉพาะเจาะจง) ตัวชี้วัดควรจะชัดเจนและเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ทุกคนในองค์การเข้าใจและตีความได้เหมือนกัน เช่น "เพิ่มยอดขายสินค้าประจำเดือนที่ประสบความสำเร็จโดยเฉลี่ย 10%"
- Measurable (สามารถวัดได้) ตัวชี้วัดควรสามารถวัดผลได้โดยใช้ข้อมูลที่เป็นตัวเลขหรือข้อมูลที่เป็นไปได้ เพื่อให้สามารถประเมินความสำเร็จได้อย่างชัดเจน เช่น "เป้าหมายเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น 10% ในปีนี้"
- Achievable (เป็นไปได้) ตัวชี้วัดควรเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อให้มีความเป็นระเบียบและเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมงาน เช่น "เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน"
- Relevant (เกี่ยวข้อง) ตัวชี้วัดควรเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ต้องการบรรลุในองค์การ เพื่อให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เช่น "เพิ่มคุณภาพของบริการให้กับลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย"
- Time-bound (มีระยะเวลากำหนด) ตัวชี้วัดควรมีระยะเวลาที่กำหนดเพื่อให้สามารถติดตามและประเมินความก้าวหน้าได้อย่างชัดเจน เช่น "เพิ่มยอดขายสินค้าให้มากขึ้น 10% ภายใน 6 เดือน"
การใช้หลัก SMART ในการกำหนดตัวชี้วัด จะช่วยให้มีการวัด และประเมินผลการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิภาพในการให้บริการ หรือผลิตสินค้าต่อลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมีคุณภาพ และเป็นรูปธรรมที่สุด
สรุป เรื่อง เทคนิคการกำหนดดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs (Key Performance Indicators)
การกำหนดดัชนีชี้วัดผลสำเร็จ (KPIs - Key Performance Indicators) เป็นกระบวนการที่สำคัญในการจัดการและวัดผลการดำเนินงานขององค์กรหรือธุรกิจ ดัชนีชี้วัดเหล่านี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบว่ากิจกรรมและการดำเนินงานที่ต่างกันมีประสิทธิภาพอย่างไร ดังนั้น สรุปเทคนิคสำคัญในการกำหนด KPIs ได้แก่
- SMART Criteria ควรใช้หลัก SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) เพื่อกำหนด KPIs ที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อการวัดและประเมินผลการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพ
- ช่วงเวลาการติดตาม ระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการติดตามและวัดผล KPIs เช่น รายเดือน, รายไตรมาส, หรือรายปี โดยขึ้นอยู่กับลักษณะของกิจกรรมหรือโครงการ
- การระบุผู้รับผิดชอบ กำหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนสำหรับแต่ละ KPIs เพื่อให้มีความรับผิดชอบและความเข้าใจในหน้าที่ของตนเอง
- การประมาณการและการวัดผล ใช้ข้อมูลประสิทธิภาพปัจจุบันเพื่อกำหนดเป้าหมายของ KPIs และตรวจสอบผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ
- การปรับปรุงและการประเมินเป้าหมาย พิจารณาการปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุง KPIs เมื่อมีความจำเป็น และประเมินเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ติดตามความก้าวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การรายงานและการสื่อสาร สร้างระบบรายงาน และการสื่อสารที่ชัดเจนและประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนเข้าใจ KPIs และผลการดำเนินงาน
- การเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์และยุทธศาสตร์ ตัวชี้วัดควรเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์และยุทธศาสตร์รวมถึงวิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์การ
การกำหนด KPIs อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้องค์การสามารถตรวจสอบ และปรับปรุงผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์การให้ก้าวหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง และเหมาะสม