บทความ

พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 9 พ.ศ.2568 เพิ่มวันลาคลอด คู่สมรสลาได้และได้รับค่าจ้าง

พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 9 พ.ศ.2568 เพิ่มวันลาคลอด คู่สมรสลาได้และได้รับค่าจ้าง

พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 9 พ.ศ.2568 เพิ่มวันลาคลอด คู่สมรสลาได้และได้รับค่าจ้าง

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2568 เพิ่มสิทธิลาคลอดเป็น 120 วัน คู่สมรสลาได้ 15 วันพร้อมรับค่าจ้างเต็ม และขยายสิทธิลูกจ้างจ้างเหมาภาครัฐ เริ่มใช้ 6 ธ.ค.2568

เนื้อหาสำคัญที่เปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการ ได้แก่

พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 9 พ.ศ.2568 เพิ่มวันลาคลอด คู่สมรสลาได้และได้รับค่าจ้าง

พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 9 พ.ศ.2568 เพิ่มวันลาคลอด คู่สมรสลาได้และได้รับค่าจ้าง

1. เพิ่มสิทธิลาคลอด

ลูกจ้างหญิงมีสิทธิ ลาคลอดบุตรได้ ๑๒๐ วัน ต่อครรภ์

นายจ้างต้อง จ่ายค่าจ้างเท่ากับวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ไม่เกิน ๖๐ วัน

2. เพิ่มสิทธิลาต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงดูบุตร

ในกรณีที่บุตร เจ็บป่วยรุนแรง มีความผิดปกติ หรือพิการ

ลูกจ้างหญิงสามารถ ลาต่อได้อีกไม่เกิน ๑๕ วัน โดยได้รับค่าจ้าง ร้อยละ ๕๐

3. เพิ่มสิทธิให้คู่สมรส (บิดา)

ลูกจ้างมีสิทธิ ลาเพื่อช่วยเหลือคู่สมรสที่คลอดบุตรได้ไม่เกิน ๑๕ วัน

และ ได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน ๑๐๐% สำหรับวันที่ลา

(ต้องใช้สิทธิภายใน ๙๐ วันนับจากวันคลอดบุตร)

4. ขยายความคุ้มครองไปยังผู้จ้างเหมาบริการภาครัฐ

หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และองค์การมหาชนที่จ้างเหมาบริการ ต้องจัดให้บุคคลที่ทำงานได้รับสิทธิพื้นฐาน เช่น

  • ค่าตอบแทนที่เป็นธรรม
  • วันหยุดประจำสัปดาห์
  • วันลาป่วย วันลาคลอด วันหยุดตามประเพณี
  • เวลาพัก และวันหยุดพักผ่อนประจำปี
  • ไม่น้อยกว่ามาตรฐานในกฎหมายคุ้มครองแรงงาน

5. ปรับปรุงการยื่นแบบแสดงสภาพการจ้าง

ให้นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ ๑๐ คนขึ้นไปยื่นแบบแสดงสภาพการจ้างต่ออธิบดีภายในเดือนมกราคมของทุกปีเพื่อความสะดวก ลดภาระขั้นตอนของพนักงานตรวจแรงงาน

สรุปสำหรับฝ่ายบุคคลและ HR

  1. อัปเดตระเบียบลาหยุดให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่
  2. แจ้งสิทธิลูกจ้างให้รับทราบโดยทั่วกัน
  3. ปรับระบบเงินเดือนและค่าจ้างให้ตรงกับอัตราจ่ายในระหว่างวันลา
  4. หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจควรตรวจสอบสัญญาจ้างเหมาบริการให้สอดคล้องกับบทบัญญัติใหม่


พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๘

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้ไว้ ณ วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๘ เป็นปีที่ ๑๐ ในรัชกาลปัจจุบัน

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน

พระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลซึ่งมาตรา ๒๖ ประกอบกับมาตรา ๒๗ และมาตรา ๔๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย

เหตุผลและความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้ เพื่อเป็นการยกระดับการคุ้มครองลูกจ้างซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีความมั่นคงในการทำงานและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งการตราพระราชบัญญัตินี้สอดคล้องกับเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้วจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของรัฐสภา ดังต่อไปนี้

มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๙) พ.ศ. ๒๕๖๘"

มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา ๓ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๔/๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑

"มาตรา ๔/๑ ในกรณีที่ราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ องค์การมหาชน หน่วยงานของรัฐตามที่มีกฎหมายกำหนดได้ทำการจ้างบุคคลธรรมดาให้มาทำงานในลักษณะจ้างเหมาบริการ หรือในลักษณะเดียวกัน โดยจ่ายค่าตอบแทนการทำงานสำหรับระยะเวลาการทำงานปกติเป็นรายวัน รายเดือน หรือระยะเวลาอื่น และหน่วยงานดังกล่าวเป็นผู้ควบคุม กำกับ ดูแลการทำงานของบุคคลที่มาทำงาน ให้หน่วยงานที่จ้างดำเนินการให้บุคคลดังกล่าวได้รับค่าตอบแทนการทำงาน มีวันหยุด ประจำสัปดาห์ วันหยุดตามประเทณี วันหยุดพักผ่อนประจำปี วันลาป่วย วันลาคลอด วันและเวลาทำงาน เวลาพักได้ไม่น้อยกว่าตามสิทธิที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง

บรรดาคดีที่เกิดจากข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานผู้ว่าจ้างกับบุคคลผู้รับจ้างงานอันเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ตามวรรคหนึ่ง ให้อยู่ในเขตอำนาจของศาลแรงงาน"

มาตรา ๔ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

"มาตรา ๔๑ ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตรครรภ์หนึ่งไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวัน หรือตามจำนวนวันที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา"

มาตรา ๕ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นวรรคสี่ของมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒

"ลูกจ้างหญิงซึ่งใช้สิทธิลาเพื่อคลอดบุตรตามวรรคหนึ่งแล้ว มีสิทธิลาต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงดูบุตรได้อีกไม่เกินสิบห้าวัน ในกรณีที่บุตรมีภาวะการเจ็บป่วยที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อน มีความผิดปกติ หรือมีภาวะความพิการ ทั้งนี้ ให้ลูกจ้างแสดงใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันประกอบการลาด้วย"

มาตรา ๖ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๔๑/๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑

"มาตรา ๔๑/๑ ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อช่วยเหลือคู่สมรสซึ่งคลอดบุตรครรภ์หนึ่งได้ไม่เกินสิบห้าวัน โดยใช้สิทธิก่อนหรือในวันที่ลาภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่คลอดบุตร"

มาตรา ๗ ให้ยกเลิกความในมาตรา ๕๙ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๕๑ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

"มาตรา ๕๙ ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ในวันลาเพื่อคลอดบุตร ตามมาตรา ๔๑ วรรคหนึ่ง เท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ไม่เกินหกสิบวันหรือตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา"

มาตรา ๘ ให้เพิ่มความต่อไปนี้เป็นมาตรา ๕๙/๑ และมาตรา ๕๗/๒ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๓

"มาตรา ๕๙/๑ ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างซึ่งใช้สิทธิลาตามมาตรา ๔๑ วรรคสี่เท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลาในอัตราร้อยละห้าสิบของค่าจ้างสำหรับวันที่ลา

มาตรา ๕๗/๒ ให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างซึ่งใช้สิทธิลาตามมาตรา ๔๑/๑ เท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลาแต่ไม่เกินสิบห้าวัน*

มาตรา ๙ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา ๑๑๕/๑ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๑ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

"มาตรา ๑๑๕/๑ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานตรวจแรงงานตามมาตรา ๑๓๙ ให้นายจ้างซึ่งมีลูกจ้างรวมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปยื่นแบบแสดงสภาพการจ้างและสภาพการทำงานต่ออธิบดี

หรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมายภายในเดือนมกราคมของทุกปี ทั้งนี้ วิธีการยื่นแบบให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่อธิบดีประกาศกำหนด"


ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

อนุทิน ชาญวีรกูล

นายกรัฐมนตรี

หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ ใช้บังคับมาเป็นระยะเวลานาน มีบทบัญญัติบางประการไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ทางเศรษฐกิจ และสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป สมควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการกำหนดให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยงานของรัฐ ซึ่งจ้างบุคคลธรรมดามาทำงานให้ได้รับคำตอบแทนการทำงาน มีวันหยุด ประจำสัปดาห์ วันหยุดตามประเพณี วันหยุดพักผ่อนประจำปี วันลาป่วย วันลาคลอด วันและเวลาทำงาน เวลาพัก ไม่น้อยกว่ากฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน และอยู่ในเขตอำนาจของศาลแรงงาน นอกจากนี้เพื่อส่งเสริมแรงงานหญิงที่มีครรภ์มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตรครรภ์หนึ่งและได้รับค่าจ้างตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกาได้ และเพิ่มเติมสิทธิให้ลูกจ้างหญิงที่ลาคลอดมีสิทธิลาต่อเนื่องเพื่อเลี้ยงดูบุตร ในกรณีที่บุตรมีภาวะการเจ็บป่วย มีความผิดปกติหรือมีภาวะความพิการ โดยได้รับค่าจ้างในระหว่างที่ลา ให้ลูกจ้างมีสิทธิลา เพื่อช่วยเหลือคู่สมรสที่คลอดบุตรโดยได้รับค่าจ้างในระหว่างที่ลา รวมทั้งให้นายจ้างสามารถยื่นแบบแสดงสภาพการจ้างและสภาพการทำงาน โดยลดขั้นตอนการดำเนินการของพนักงานตรวจแรงงานในการส่งแบบแสดงสภาพการจ้างและสภาพการทำงานเป็นหนังสือให้กับนายจ้าง จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้

สรุป

กฎหมายฉบับนี้สะท้อนแนวทาง “แรงงานเป็นศูนย์กลาง” ที่มุ่งให้ทั้งลูกจ้างหญิงและชายได้รับความเท่าเทียมและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิตครอบครัว

Topprofessional And Development

สถาบันฝึกอบรมและที่ปรึกษาทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์และองค์กร บริการให้คำปรึกษาด้านระบบ ISO แบบครบวงจรด้วยหลักสูตรคุณภาพอาจารย์ผู้สอนมากด้วยประสบการณ์

วันทำการ ( จันทร์ - เสาร์ เวลา 8:00 - 17:00 น. )

ติดตามเรา

icon-facebookicon-lineicon-youtubeicon-tiktok
Copyright 2023 © HERMES Digital Marketing . All Rights Reserved