การใช้แรงงานเด็ก เป็นหนึ่งในประเด็นทางสังคมที่ทั่วโลกให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นประเทศพัฒนาแล้วหรือประเทศกำลังพัฒนา ต่างต้องเผชิญกับคำถามเกี่ยวกับสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็กและความเหมาะสมในการให้เด็กเข้าทำงาน ในประเทศไทยเอง แม้จะมีกฎหมายรองรับที่เข้มงวด แต่การใช้แรงงานเด็กก็ยังคงพบเห็นในบางอุตสาหกรรม โดยเฉพาะงานในภาคเกษตรกรรม ภาคบริการ และงานนอกระบบ
ความหมายของแรงงานเด็ก
แรงงานเด็ก (Child Labor) หมายถึง การที่เด็กอายุต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดโดยกฎหมาย ถูกใช้ให้ทำงานในลักษณะที่ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการทั้งทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา และสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก กฎหมายแรงงานของประเทศไทยจึงกำหนดกรอบอายุและเงื่อนไขของการจ้างแรงงานเด็กไว้อย่างชัดเจน
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานเด็ก
ประเทศไทยมีกฎหมายหลักที่ควบคุมเรื่องแรงงานเด็ก ได้แก่ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีบทบัญญัติเกี่ยวกับ "การใช้แรงงานเด็ก" อยู่ในหมวด 4 ของกฎหมายฉบับนี้
หมวด ๔ การใช้แรงงานเด็ก
มาตรา ๔๔
ห้ามมิให้นายจ้างจ้างเด็กอายุต่ำกว่าสิบห้าปีเป็นลูกจ้าง
มาตรา ๔๕
ในกรณีที่มีการจ้างเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปีเป็นลูกจ้าง ให้นายจ้างปฏิบัติดังนี้
(๑) แจ้งการจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กนั้นต่อพนักงานตรวจแรงงานภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่เด็กเข้าทำงาน
(๒) จัดทำบันทึกสภาพการจ้างกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเก็บไว้ ณ สถานประกอบกิจการหรือสำนักงานของนายจ้าง พร้อมที่จะให้พนักงานตรวจแรงงานตรวจได้ในเวลาทำการ
(๓) แจ้งการสิ้นสุดการจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กนั้นต่อพนักงานตรวจแรงงานภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่เด็กออกจากงาน
การแจ้งหรือการจัดทำบันทึกตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามแบบที่อธิบดีกำหนด
มาตรา ๔๖
ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กมีเวลาพักวันหนึ่งไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมงติดต่อกันหลังจากที่ลูกจ้างทำงานมาแล้วไม่เกินสี่ชั่วโมง แต่ในสี่ชั่วโมงนั้นให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กได้มีเวลาพักตามที่นายจ้างกำหนด
มาตรา ๔๗
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปีทำงานในระหว่างเวลา ๒๒.๐๐ นาฬิกา ถึงเวลา ๐๖.๐๐ นาฬิกา เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากอธิบดีหรือผู้ซึ่งอธิบดีมอบหมาย
นายจ้างอาจให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปีและเป็นผู้แสดงภาพยนตร์ ละคร หรือการแสดงอย่างอื่นที่คล้ายคลึงกันทำงานในระหว่างเวลาดังกล่าวได้ ทั้งนี้ ให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กนั้นได้พักผ่อนตามสมควร
มาตรา ๔๘
ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปีทำงานล่วงเวลาหรือทำงานในวันหยุด
ความเชื่อมโยงกับกฎหมายระหว่างประเทศ
ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญา ILO ฉบับที่ 138 และ 182 ซึ่งเกี่ยวกับอายุขั้นต่ำในการทำงาน และการขจัดรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของแรงงานเด็ก ซึ่งเป็นการแสดงเจตจำนงร่วมในการยุติปัญหานี้ในระดับสากล
สถานการณ์แรงงานเด็กในประเทศไทย
แม้สถิติจากกระทรวงแรงงาน จะชี้ว่ามีการลดลงของแรงงานเด็กในระบบลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีการใช้แรงงานเด็กที่ไม่อยู่ในระบบ เช่น การช่วยงานในร้านค้าครอบครัว หรืองานในภาคเกษตรกรรมที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง เด็กจำนวนไม่น้อยที่หลุดจากระบบการศึกษา อาจหันไปทำงานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาในระยะยาว
ผลกระทบจากการใช้แรงงานเด็ก
- ด้านร่างกาย การทำงานหนักเกินวัยอาจทำให้เกิดโรคเรื้อรังหรืออุบัติเหตุ
- ด้านการศึกษา การทำงานทำให้เด็กไม่มีเวลาเรียนหรือหลุดออกจากระบบการศึกษา
- ด้านจิตใจ เด็กที่ต้องทำงานเผชิญความเครียด ความกลัว หรือการละเมิดสิทธิ
- ด้านเศรษฐกิจในระยะยาว แรงงานเด็กเป็นปัจจัยที่ทำให้รายได้เฉลี่ยในอนาคตต่ำลงและเพิ่มวงจรความยากจนในครัวเรือน
มาตรการคุ้มครองและแนวทางแก้ไข
- การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ต้องมีการตรวจสอบสถานประกอบการอย่างสม่ำเสมอและลงโทษอย่างจริงจังหากพบการใช้แรงงานเด็กผิดกฎหมาย
- การสนับสนุนการศึกษา เด็กควรได้รับโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียม และมีโครงการช่วยเหลือเด็กยากจนให้สามารถเรียนต่อได้
- การรณรงค์ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจให้แก่ชุมชนและผู้ประกอบการเกี่ยวกับสิทธิของเด็ก และผลเสียของการใช้แรงงานเด็ก
- การสร้างทางเลือกให้ครอบครัว การสนับสนุนครอบครัวให้มีรายได้ที่เพียงพอ ลดแรงจูงใจในการส่งลูกหลานเข้าสู่ตลาดแรงงานเร็วเกินไป
กรณีศึกษา การใช้แรงงานเด็กในอุตสาหกรรมประมง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์ในระดับนานาชาติว่ามีการใช้แรงงานเด็กในอุตสาหกรรมประมง โดยเฉพาะในจังหวัดชายฝั่งและกิจการเรือประมงขนาดเล็ก ซึ่งรัฐบาลได้ตอบสนองด้วยการออกมาตรการเฉพาะและร่วมมือกับต่างประเทศในการตรวจสอบย้อนกลับของแหล่งแรงงาน
สรุป
การใช้แรงงานเด็ก ไม่เพียงเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของเด็ก แต่ยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน กฎหมายไทยโดยเฉพาะพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้วางกรอบไว้อย่างชัดเจนในการป้องกันไม่ให้เด็กต้องทำงานเกินวัยหรือในสภาพแวดล้อมที่เป็นอันตราย
แต่ถึงแม้กฎหมายจะดีเพียงใด หากขาดการบังคับใช้อย่างเข้มงวด และสังคมยังขาดความตระหนักรู้ ปัญหาการใช้แรงงานเด็กก็จะยังคงดำเนินต่อไป การร่วมมือกันของภาครัฐ เอกชน และประชาชนในการปกป้องสิทธิของเด็กจึงเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไปอย่างจริงจัง