บทความ

10 เทคนิค การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม

10 เทคนิค การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม

10 เทคนิค การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม

การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถรับรู้และปรับปรุงการดำเนินงานในด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างต่อเนื่อง

iso14001 คือ

iso14001 คือ

iso14001 คือ

ISO 14001 เป็นมาตรฐานสากลที่ใช้ในการกำหนดและให้ข้อกำหนดสำหรับระบบบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม (Environmental Management System - EMS) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรสามารถติดตาม วิเคราะห์ และปรับปรุงการจัดการสิ่งแวดล้อมของตนได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน มาตรฐาน ISO 14001 ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยองค์กรมาตรฐานสากล (International Organization for Standardization - ISO) และเป็นมาตรฐานที่มีความเชื่อถือและนิยมใช้กันทั่วโลกในหลายธุรกิจและองค์กรต่างๆ

หลักการของ ISO 14001 ครอบคลุมเรื่องการกำหนดเป้าหมายและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสิ่งแวดล้อม การวางแผนการดำเนินงาน การดำเนินการและการควบคุมกิจกรรม การตรวจสอบและวิเคราะห์ผล และการปรับปรุงต่อเนื่อง

มีเป้าหมายหลักในการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรมของธุรกิจ โดยพยายามให้มีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพและการลดการสร้างปริมาณขยะ มลพิษ และการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยทั้งนี้เป็นการสนับสนุนหลักการของการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) ในธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ อีกด้วย

10 เทคนิค การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม

10 เทคนิคสำหรับการตรวจติดตามภายในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพในการปรับปรุงและรักษาระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมของตนได้อย่างเหมาะสม การใช้เทคนิคเหล่านี้เป็นรากฐานที่สำคัญสำหรับการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในยุคปัจจุบันและในอนาคต มีเทคนิคดังต่อไปนี้

1. ต้องกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจนสำหรับการสำรวจพื้นที่

แนวทางที่เหมาะสำหรับการตรวจติดตามภายในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยการกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจนสำหรับการสำรวจพื้นที่เป็นหนึ่งในข้อสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้

1. ต้องกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจนสำหรับการสำรวจพื้นที่

1. ต้องกำหนดระยะเวลาให้ชัดเจนสำหรับการสำรวจพื้นที่

  • กำหนดวัตถุประสงค์ของการสำรวจพื้นที่ ก่อนที่จะทำการสำรวจพื้นที่ ควรกำหนดวัตถุประสงค์ของการสำรวจอย่างชัดเจน เพื่อให้ทราบว่าต้องการข้อมูลเพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่น การตรวจสอบการปฏิบัติตามนโยบายสิ่งแวดล้อม การตรวจสอบการประสิทธิภาพของการดำเนินงาน เป็นต้น
  • กำหนดระยะเวลาการสำรวจ หลังจากกำหนดวัตถุประสงค์ เรียกเก็บข้อมูล จึงควรกำหนดระยะเวลาในการสำรวจพื้นที่ให้เหมาะสม โดยให้คำนึงถึงขอบเขตของงาน และความสำคัญของข้อมูลที่ต้องการ
  • วางแผนการสำรวจ วางแผนการสำรวจพื้นที่ให้ครอบคลุมและระเบียบเรียบร้อย โดยการกำหนดพื้นที่ที่จะสำรวจ และเป้าหมายที่ต้องการทราบ เช่น การตรวจสอบการประยุกต์ใช้นโยบายสิ่งแวดล้อมในแผนกใดแผนกหนึ่ง
  • การระบุเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ใช้ในการสำรวจ: ควรระบุเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับการสำรวจพื้นที่ เช่น การใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์เพื่อช่วยในการทำแผนที่และการนำทาง
  • การฝึกอบรมทีม การฝึกอบรมทีมงานเพื่อให้พวกเขามีความรู้และทักษะในการทำงานและใช้เครื่องมือที่เกี่ยวข้องในการสำรวจพื้นที่
  • การสร้างแผนการดำเนินงาน การสร้างแผนการดำเนินงานเพื่อแนะนำกระบวนการการสำรวจ และการตรวจสอบการปฏิบัติตามแผนที่ระบุไว้
  • การดำเนินการสำรวจ ดำเนินการสำรวจพื้นที่ตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้ โดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่กำหนดไว้
  • การบันทึกข้อมูล บันทึกข้อมูลที่ได้จากการสำรวจพื้นที่อย่างระเอียดและครบถ้วน
  • การวิเคราะห์และการสรุปผล วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับจากการสำรวจพื้นที่เพื่อสรุปผลและตัดสินใจต่อการปรับปรุงหรือการดำเนินการต่อไป
  • การรายงานผล รายงานผลการสำรวจพื้นที่และการดำเนินการต่อไป โดยสร้างรายงานที่ชัดเจนและเข้าใจได้สำหรับผู้ที่เกี่ยวข้อง

2. การตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อม

2. การตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อม

2. การตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อม

การตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อม ควรที่จะเริ่มจากด้านนอกสู่ด้านในเพื่อให้สามารถค้นพบปัญหาและโอกาสที่เกิดขึ้นทั้งภายนอกและภายในองค์กรได้อย่างครบถ้วน ดังนั้นการไล่เรียงการตรวจประเมินสิ่งแวดล้อมจากด้านนอกสู่ด้านใน เริ่มต้นการตรวจประเมิน ได้ดังนี้

  1. อาคารและสถานที่ภายนอก การตรวจสอบสภาพแวดล้อมของอาคารและสถานที่ภายนอก เช่น การตรวจสอบระบบการจ่ายน้ำ ระบบระบายน้ำ การบำบัดน้ำเสีย การบำบัดน้ำฝน และการจัดการกับน้ำเสีย
  2. รอบรั้วและพื้นที่รอบๆ การตรวจสอบรอบรั้วและพื้นที่รอบๆ อาคาร เพื่อตรวจสอบการจัดการขยะ การบริหารจัดการท่าเรือ การจัดการรถขนส่ง และปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเก็บรักษาวัสดุที่อาจทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม
  3. จุดปล่อยมลพิษ การตรวจสอบจุดปล่อยมลพิษ เช่น การตรวจสอบการปล่อยก๊าซเสีย การปล่อยน้ำเสีย การจัดการกับเสียง และการตรวจสอบการจัดการเสีย
  4. ภายในสถานที่กระบวนการผลิต การตรวจสอบสถานที่กระบวนการผลิตภายในองค์กร เพื่อตรวจสอบกระบวนการผลิตที่เป็นไปได้อย่างยั่งยืน การใช้วัสดุและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการตรวจสอบระบบการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ภายในองค์กร
การตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อมจากด้านนอกสู่ด้านในจะช่วยให้สามารถระบุปัญหาและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับทั้งระบบและกระบวนการในระดับองค์กรได้อย่างถูกต้องและเป็นระบบ โดยสามารถกำหนดและดำเนินการปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหาที่พบเจอให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ

3. ใช้ยานพาหนะ เพื่อสำรวจพื้นที่ห่างไกล (remote areas) ก็สามารถทำได้

3. ใช้ยานพาหนะ เพื่อสำรวจพื้นที่ห่างไกล (remote areas) ก็สามารถทำได้

3. ใช้ยานพาหนะ เพื่อสำรวจพื้นที่ห่างไกล (remote areas) ก็สามารถทำได้

ใช้ยานพาหนะเพื่อสำรวจพื้นที่ห่างไกลเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการตรวจสอบสภาพแวดล้อมในพื้นที่ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย โดยสามารถดำเนินการได้ดังนี้

  1. การวางแผนเส้นทาง ก่อนการออกเดินทาง ควรวางแผนเส้นทางการเดินทางอย่างรอบคอบโดยพิจารณาถึงระยะทางที่จะเดินทาง และสภาพถนนหรือเส้นทางที่เลือกใช้
  2. เลือกยานพาหนะที่เหมาะสม เลือกใช้ยานพาหนะที่เหมาะสมกับเส้นทางและสภาพอากาศของพื้นที่ เช่น รถยนต์ที่มีระดับความทนทานต่อถนนที่ไม่ดี หรือรถออฟโรดที่สามารถเข้าถึงพื้นที่ลุ่มน้ำหรือเขาชันได้
  3. การเตรียมอุปกรณ์ เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเดินทางในพื้นที่ห่างไกล เช่น น้ำ อาหาร แผนที่ และเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบแวดล้อม เช่น กล้องถ่ายภาพ เครื่องวัดคุณภาพอากาศ หรือเครื่องวัดค่า GPS
  4. การปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัย ปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางในพื้นที่ห่างไกล เช่น การแจ้งให้คนรู้จักเกี่ยวกับเส้นทางและเวลาการเดินทาง การเติมน้ำมันให้เพียงพอ และตระหนักถึง ความปลอดภัยการขับขี่ ในสภาพที่ไม่ค่อยเหมาะสม
  5. การทำการสำรวจและบันทึกข้อมูล ทำการสำรวจและบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่พบเจอในพื้นที่ห่างไกลอย่างรอบคอบ โดยรวมถึงการบันทึกตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ด้วยเครื่อง GPS เพื่อให้สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการวิเคราะห์ในภายหลังได้อย่างถูกต้อง

4. อย่าใช้เวลามากเกินไป ในการสำรวจพื้นที่กระบวนการผลิต

4. อย่าใช้เวลามากเกินไป ในการสำรวจพื้นที่กระบวนการผลิต

4. อย่าใช้เวลามากเกินไป ในการสำรวจพื้นที่กระบวนการผลิต

การสำรวจพื้นที่กระบวนการผลิตควรจะเป็นการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพและไม่ใช้เวลามากเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและไม่ก่อให้เกิดความไม่พอใจจากฝ่ายผลิตภัณฑ์ ดังนั้น การลดเวลาในการสำรวจพื้นที่ กระบวนการผลิตสามารถทำได้โดยการปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. วางแผนการสำรวจล่วงหน้า การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้การสำรวจเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นประสบการณ์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยควรจะกำหนดเวลาที่เหมาะสมสำหรับการสำรวจพื้นที่และยุทธศาสตร์ในการเคลื่อนที่ในพื้นที่กระบวนการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ
  2. ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีช่วย การใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีในการสำรวจเช่น การใช้รถยนต์หรือยานพาหนะที่เหมาะสมสำหรับการเข้าถึงพื้นที่อย่างรวดเร็ว การใช้ระบบนำทาง GPS เพื่อลดเวลาในการค้นหาสถานที่ หรือการใช้โดรนในการสำรวจพื้นที่ที่มีความซับซ้อนสูงสำหรับการเข้าถึง
  3. จำกัดขอบเขตของการสำรวจ ให้เน้นการสำรวจเฉพาะพื้นที่ที่มีความสำคัญและมีความจำเป็น โดยการจำกัดขอบเขตจะช่วยลดเวลาในการสำรวจโดยไม่ทำให้ขาดความสำคัญของข้อมูล
  4. ใช้ทีมงานที่มีประสบการณ์ การใช้ทีมงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการสำรวจพื้นที่กระบวนการผลิตจะช่วยลดเวลาในการตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. การทำการสำรวจแบบพิเศษ (Spot Checking) การทำการสำรวจแบบพิเศษบางส่วนที่เลือกมาจากตำแหน่งที่สุ่มหรือตำแหน่งที่มีความสำคัญมาก เพื่อลดเวลาในการสำรวจทั้งหมดแต่ก็ยังสามารถให้ข้อมูลที่มีความถูกต้องและเป็นประโยชน์ได้

5. หากทีมตรวจประเมินเป็นคณะใหญ่ (มากกว่า 4 ท่าน) ให้ทำการแยกทีมในการเดินสำรวจนี้เป็น 2 ทีม

การแยกทีมในการสำรวจเป็นสองทีมเมื่อทีมตรวจประเมินมีจำนวนมากกว่า 4 คนนั้นเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้การสำรวจเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น คำแนะนำในการแยกทีม มีดังนี้

5. หากทีมตรวจประเมินเป็นคณะใหญ่ (มากกว่า 4 ท่าน) ให้ทำการแยกทีมในการเดินสำรวจนี้เป็นสองทีม

5. หากทีมตรวจประเมินเป็นคณะใหญ่ (มากกว่า 4 ท่าน) ให้ทำการแยกทีมในการเดินสำรวจนี้เป็นสองทีม

  1. กำหนดหน้าที่และระบบงาน ก่อนที่จะแยกทีม ควรกำหนดหน้าที่และระบบงานของแต่ละทีมอย่างชัดเจน เพื่อให้ทราบว่าใครทำอะไร และมีการแบ่งแยกงานให้เป็นไปอย่างเรียบร้อย
  2. แบ่งกลุ่มตามความเชี่ยวชาญ ควรพิจารณาแยกทีมตามความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ เช่น แยกทีมตามฝ่ายงาน เช่น ทีมสำรวจระบบน้ำ เป็นต้น
  3. แบ่งพื้นที่ แบ่งพื้นที่ที่ต้องการสำรวจออกเป็นสองส่วนให้ทีมทั้งสอง โดยพิจารณาจากความซับซ้อนของพื้นที่และปริมาณของงาน
  4. สร้างแผนการสื่อสาร สร้างแผนการสื่อสารที่เป็นระเบียบเพื่อให้ทีมสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างเหมาะสม รวมถึงวิธีการสื่อสารข้อมูลระหว่างทีม
  5. การปฏิบัติตามแผน แต่ละทีมควรปฏิบัติตามแผนการสำรวจที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัด และให้รายงานผลการสำรวจอย่างเป็นระบบ
  6. การประสานงาน ควรมีการประสานงานอย่างดีระหว่างทีมสองทีม เพื่อให้การสำรวจเป็นไปอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกัน
  7. การรวบรวมข้อมูล ทีมควรรวบรวมข้อมูลและสรุปผลการสำรวจอย่างถูกต้องและเชื่อถือได้ และนำเสนอรายงานสรุปผลการสำรวจอย่างชัดเจนแก่ทีมผู้บริหารหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง

6. ระหว่างการสำรวจให้ทำจดบันทึกเสมอ

6. ระหว่างการสำรวจให้ทำจดบันทึกเสมอ

6. ระหว่างการสำรวจให้ทำจดบันทึกเสมอ

ในระหว่างการสำรวจพื้นที่หรือกระบวนการผลิต การทำจดบันทึกเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้สามารถบันทึกข้อมูลและข้อสังเกตได้อย่างถูกต้องและเชื่อถือได้ เพื่อให้การสำรวจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้สามารถนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการวิเคราะห์และการวางแผนในภายหลังได้ดี ดังนั้น ควรมีการทำจดบันทึกเสมอระหว่างการสำรวจ โดยสามารถดำเนินการ ตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. บันทึกข้อมูลพื้นฐาน บันทึกข้อมูลพื้นฐานที่สำคัญเกี่ยวกับพื้นที่หรือกระบวนการผลิต เช่น วันที่และเวลาที่ทำการสำรวจ สถานที่ สภาพอากาศ และเหตุการณ์พิเศษที่เกิดขึ้น
  2. ส่วนประกอบที่สำคัญ บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับส่วนประกอบหรือรายละเอียดที่สำคัญของพื้นที่หรือกระบวนการผลิต เช่น การตรวจสอบอุปกรณ์ การตรวจสอบระบบการจ่ายน้ำ การบันทึกการใช้พลังงาน หรือการตรวจสอบสภาพสิ่งแวดล้อม
  3. การแสดงผลข้อมูล บันทึกข้อมูลให้เป็นระเบียบและชัดเจน เช่น การใช้ตารางหรือแผนผัง เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านและวิเคราะห์
  4. ข้อสังเกตและปัญหาที่พบเจอ บันทึกข้อสังเกตและปัญหาที่พบเจอในระหว่างการสำรวจอย่างชัดเจน เพื่อให้สามารถดำเนินการแก้ไขหรือปรับปรุงตามทันทีหากจำเป็น
  5. เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการสำรวจ เช่น รายการอุปกรณ์ การตรวจสอบสภาพการใช้งาน และการบันทึกผลการใช้งาน
การทำจดบันทึกเสมอในระหว่างการสำรวจจะช่วยให้ข้อมูลที่ได้มีความถูกต้องและครบถ้วน และสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์และการตัดสินใจในภายหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ


7. หากพื้นที่ของสถานประกอบการซับซ้อน ควรนำ plot plan หรือ site map

7. หากพื้นที่ของสถานประกอบการซับซ้อน ควรนำ plot plan หรือ site map

7. หากพื้นที่ของสถานประกอบการซับซ้อน ควรนำ plot plan หรือ site map

ใช้ plot plan หรือ site map เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการสำรวจพื้นที่ของสถานประกอบการที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะเมื่อมีการต้องการทำการสำรวจเพื่อการวางแผนหรือการตรวจสอบโครงสร้างของสถานประกอบการนั้นๆ ดังนั้น การนำ plot plan หรือ site map เข้ามาช่วยสำรวจสถานที่จะช่วยให้การสำรวจเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการบันทึกข้อมูลและการรายงานผลอย่างถูกต้อง

ข้อดีของการใช้ plot plan หรือ site map มีดังนี้

  1. การตรวจสอบที่ตั้ง plot plan หรือ site map ช่วยให้สามารถตรวจสอบตำแหน่งและที่ตั้งของอาคาร โรงงาน และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ภายในพื้นที่ได้อย่างชัดเจน
  2. การระบุโครงสร้าง ช่วยในการระบุโครงสร้างและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ภายในสถานประกอบการ เช่น ระบบท่อน้ำ ระบบไฟฟ้า ระบบปรับอากาศ เป็นต้น
  3. การวางแผนการสำรวจ ช่วยในการวางแผนการสำรวจว่าจะต้องทำการสำรวจบริเวณใดบ้าง และควรมีการสำรวจแบบใดในแต่ละบริเวณ
  4. การบันทึกข้อมูล เป็นเครื่องมือที่ดีในการบันทึกข้อมูลของสถานที่ที่ถูกสำรวจ เช่น การบันทึกตำแหน่งของอุปกรณ์ ระบบ และสิ่งก่อสร้างต่างๆ
  5. การวางแผนและการวิเคราะห์ ช่วยในการวางแผน และการวิเคราะห์ข้อมูลในภายหลัง เช่น การปรับปรุงหรือการพัฒนาสถานที่ให้เหมาะสมมากขึ้น
ดังนั้น การใช้ plot plan หรือ site map เป็นการเตรียมความพร้อมที่สำคัญก่อนการสำรวจและช่วยให้การสำรวจเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

8. กำหนดเส้นทางเดินที่ไม่เป็นการเดินย้อนไปย้อนมา

8. กำหนดเส้นทางเดินที่ไม่เป็นการเดินย้อนไปย้อนมา

8. กำหนดเส้นทางเดินที่ไม่เป็นการเดินย้อนไปย้อนมา

การกำหนดเส้นทางเดินที่ไม่เดินย้อนไป-ย้อนมา เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การสำรวจเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น จึงควรมีการวางแผนเส้นทางเดินที่เหมาะสม โดยพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  1. วางแผนเส้นทางล่วงหน้า ก่อนการสำรวจควรวางแผนเส้นทางล่วงหน้าโดยพิจารณาถึงพื้นที่ที่ต้องการสำรวจ และเหมาะสมกับการเคลื่อนที่และการตรวจสอบ
  2. ระดับความยาก ควรพิจารณาถึงระดับความยากของเส้นทาง โดยพิจารณาจากอุปสรรคทางธรรมชาติ เช่น ภูเขา แม่น้ำ หรือป่าไม้ และการเคลื่อนที่ในพื้นที่อื่นๆ ที่มีความยากลำบาก
  3. การใช้ประโยชน์ของพื้นที่ ควรพิจารณาถึงการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ เช่น การหลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีการผลิตเสีย หรือการทำลายสิ่งแวดล้อม
  4. การตรวจสอบสิ่งแวดล้อม ให้คำนึงถึงการตรวจสอบสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ เช่น การตรวจสอบคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ และการปล่อยมลพิษ
  5. การปฏิบัติตามคำแนะนำ ปฏิบัติตามคำแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางในพื้นที่ซึ่งประสบความยากลำบาก และการเตรียมความพร้อมในการเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ
  6. การใช้เครื่องมือ การใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับการตรวจสอบ เช่น แผนที่กล้องถ่ายภาพ และเครื่องวัดคุณภาพอากาศ
การกำหนดเส้นทางเดินที่ไม่เดินย้อนไป-ย้อนมา จะช่วยให้การสำรวจเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพในการรวบรวมข้อมูลและสำรวจสภาพแวดล้อมในพื้นที่ได้อย่างถูกต้อง และเชื่อถือได้

9. ให้ทีมผู้ตรวจประเมินเดินสำรวจไปกันให้ได้มากที่สุด

9. ให้ทีมผู้ตรวจประเมินเดินสำรวจไปกันให้ได้มากที่สุด

9. ให้ทีมผู้ตรวจประเมินเดินสำรวจไปกันให้ได้มากที่สุด

การให้ทีมผู้ตรวจประเมินเดินสำรวจไปพร้อมกันเป็นวิธีที่ดี เพื่อให้สามารถครอบคลุมพื้นที่ให้ได้มากที่สุด โดยสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสำรวจ

  1. แบ่งหมวดหมู่งาน แบ่งงานสำรวจออกเป็นหมวดหมู่ต่างๆ โดยพิจารณาถึงความเชี่ยวชาญและความสามารถของแต่ละสมาชิกในทีม
  2. กำหนดภาระงาน กำหนดภาระงานและหมวดหมู่งานให้แต่ละสมาชิกในทีม โดยให้คำนึงถึงความสามารถและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล
  3. การแจกแจงแผนที่ แจกแจงแผนที่หรือแผนภาพของพื้นที่ที่ต้องการสำรวจให้แก่ทีม โดยมีการกำหนดเส้นทางเดินและพื้นที่ที่ต้องการสำรวจในแต่ละหมวดหมู่งาน
  4. การสื่อสาร ให้มีการสื่อสารอย่างชัดเจนและระบุเป้าหมายของการสำรวจให้ทุกคนในทีมเข้าใจ โดยรวมถึงการสื่อสารเกี่ยวกับการแจกแจงงานและการแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
  5. การสร้างสมาธิ สร้างความตั้งใจและสมาธิที่แข็งแรงให้กับทีม โดยรวมถึงการให้กำลังใจและการสนับสนุนในการทำงาน
  6. การประสานงาน มีการประสานงานและการสนับสนุนต่อกันภายในทีม เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  7. การสร้างการศึกษาเรียนรู้ สร้างโอกาสให้สมาชิกในทีมได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ จากการสำรวจและการทำงานร่วมกัน
โดยการให้ทีมผู้ตรวจประเมินเดินสำรวจไปพร้อมกัน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสำรวจและครอบคลุมพื้นที่ได้มากที่สุด และยังเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างทีมที่มีความร่วมมือและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพในอนาคต

10. ในวันแรกของการตรวจสอบให้ท่านไปถึงสถานที่ตรวจประเมินให้เร็วกว่าปกติ

10. ในวันแรกของการตรวจสอบให้ท่านไปถึงสถานที่ตรวจประเมินให้เร็วกว่าปกติ

10. ในวันแรกของการตรวจสอบให้ท่านไปถึงสถานที่ตรวจประเมินให้เร็วกว่าปกติ

การให้ทีมผู้ตรวจประเมินไปถึงสถานที่ตรวจสอบให้เร็วกว่าปกติในวันแรกของการตรวจสอบ เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ทีมสามารถเริ่มต้นการสำรวจและทำงานได้โดยรวดเร็ว โดยสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้

  1. การเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ก่อนวันแรกของการตรวจสอบ ควรทำการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าอย่างเต็มที่ เช่น การเตรียมอุปกรณ์, เอกสาร, แผนที่ และทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการสำรวจ
  2. การวางแผนเส้นทาง กำหนดเส้นทางเดินที่เหมาะสมและสั้นที่สุดไปยังสถานที่ตรวจประเมิน โดยพิจารณาถึงการจราจรและเงื่อนไขถนน
  3. การทำการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า ให้ทีมผู้ตรวจประเมินทำการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าในขณะที่กำลังเดินทาง โดยตรวจสอบการทำงานของอุปกรณ์และเตรียมพร้อมทุกอย่างเพื่อให้พร้อมที่จะเริ่มต้นทำงานทันทีเมื่อถึงสถานที่
  4. การใช้เทคโนโลยี การใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยลดเวลาในการเดินทาง โดยเช่นการใช้แอพพลิเคชั่นนำทางหรือการใช้ระบบ GPS เพื่อค้นหาเส้นทางที่สั้นที่สุด
  5. การทำการเริ่มต้นทันที เมื่อถึงสถานที่ ให้ทีมผู้ตรวจประเมินทำการเริ่มต้นทำงานทันทีโดยไม่ต้องล่าช้า โดยการทำการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าจะช่วยลดเวลาที่ใช้ในการเริ่มต้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการสำรวจอย่างมาก

สรุป

10 เทคนิคสำหรับการตรวจติดตามภายในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม มีดังนี้

  1. กำหนดระยะเวลาให้ชัดเจนสำหรับการสำรวจพื้นที่
  2. การตรวจประเมินด้านสิ่งแวดล้อม
  3. การใช้ยานพาหนะเพื่อสำรวจพื้นที่ห่างไกล (remote areas) ก็สามารถทำได้
  4. อย่าใช้เวลามากเกินไปในการสำรวจพื้นที่กระบวนการผลิต
  5. หากทีมตรวจประเมินเป็นคณะใหญ่ (มากกว่า 4 ท่าน) ให้ทำการแยกทีมในการเดินสำรวจนี้เป็นสองทีม
  6. ระหว่างการสำรวจให้ทำจดบันทึกเสมอ
  7. หากพื้นที่ของสถานประกอบการซับซ้อน ควรนำ plot plan หรือ site map
  8. กำหนดเส้นทางเดินที่ไม่เป็นการเดินย้อนไปย้อนมา
  9. ให้ทีมผู้ตรวจประเมินเดินสำรวจไปกันให้ได้มากที่สุด
  10. ในวันแรกของการตรวจสอบให้ท่านไปถึงสถานที่ตรวจประเมินให้เร็วกว่าปกติ

การใช้เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้การตรวจติดตามภายในระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้อย่างมาก

Topprofessional And Development

สถาบันฝึกอบรมและที่ปรึกษาทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์และองค์กร บริการให้คำปรึกษาด้านระบบ ISO แบบครบวงจรด้วยหลักสูตรคุณภาพอาจารย์ผู้สอนมากด้วยประสบการณ์

วันทำการ ( จันทร์ - เสาร์ เวลา 8:00 - 17:00 น. )

ติดตามเรา

icon-facebookicon-lineicon-youtubeicon-tiktok
Copyright 2023 © HERMES Digital Marketing . All Rights Reserved