บทความ

เทคนิคการกำหนดดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs (Key Performance Indicators)

kpi ดัชนีชี้วัดความสำเร็จของงาน

kpi ดัชนีชี้วัดความสำเร็จของงาน

เทคนิคในการกำหนด KPIs

  1. เชื่อมโยงกับเป้าหมายของธุรกิจ ต้องมีความสัมพันธ์กับเป้าหมายหลักของธุรกิจ โดยที่ KPIs จะช่วยในการวัดความสำเร็จของการติดตามและดำเนินงานตามเป้าหมายนั้น ๆ
  2. สมดุลและเป็นไปได้ ควรเลือก KPIs ที่มีความสัมพันธ์และสมดุลกับด้านต่าง ๆ ของธุรกิจ เพื่อให้การวัดผลเป็นไปอย่างครอบคลุมและสมบูรณ์
  3. มีความระเอียดและสอดคล้อง KPIs ควรจะถูกกำหนดให้มีระดับของรายละเอียดที่เพียงพอเพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์และการตัดสินใจ แต่ก็ไม่ควรจะซับซ้อนเกินไป
  4. วัดได้และสามารถบริหาร KPIs ควรจะเลือกให้มีข้อมูลที่เข้าถึงและสามารถวัดได้ และสามารถทำให้ทีมงานสามารถมีการปรับปรุงผลการดำเนินงานได้
  5. เป็นสิ่งที่สามารถวัดได้ ดัชนีชี้วัดควรจะเป็นสิ่งที่สามารถวัดได้โดยตรง โดยใช้ข้อมูลที่เป็นจริงหรือสามารถเข้าถึงได้ง่าย ไม่ควรเป็นเพียงความรู้สึกหรือเบ่งบาน
  6. เป็นแรงจูงใจ ควรให้ KPIs มีความสัมพันธ์กับการสร้างแรงจูงใจให้กับทีมงาน เพื่อสร้างกรอบคิดเชิงบวกในการทำงานและกระตุ้นผลการดำเนินงาน
  7. มีการติดตามและปรับปรุง หลังจากที่กำหนด KPIs แล้ว ควรมีกระบวนการในการติดตามและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าตัวชี้วัดเหล่านี้กำลังช่วยให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
การกำหนด KPIs ที่เหมาะสม และมีประสิทธิภาพนั้น เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความชำนาญ และการศึกษาอย่างละเอียด การประยุกต์ใช้เทคนิคเหล่านี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่า KPIs ที่กำหนดนั้นสามารถช่วยให้ธุรกิจบรรลุผลสำเร็จ และเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs (Key Performance Indicators)

ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs (Key Performance Indicators)

ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs (Key Performance Indicators)

ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จหรือ KPIs (Key Performance Indicators) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินประสิทธิภาพขององค์กร ธุรกิจ หรือกิจกรรมต่าง ๆ โดยมักจะถูกกำหนดขึ้นโดยใช้เป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้บรรลุ ดัชนีชี้วัดเหล่านี้จะช่วยให้ทีมงานและผู้บริหารเข้าใจถึงความสำเร็จและประสิทธิภาพของกิจกรรมหรือกลุ่มงานต่าง ๆ ในองค์กรได้อย่างชัดเจน

ตัวอย่างของ KPIs ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่

  1. ยอดขาย จำนวนเงินที่องค์กรขายได้ในระยะเวลาที่กำหนด เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดประสิทธิภาพของฝ่ายขายและการตลาด
  2. กำไรสุทธิ มูลค่าของกำไรหรือกำไรสุทธิหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว เป็นตัวชี้วัดสำคัญที่แสดงถึงความสมบูรณ์ของธุรกิจ
  3. ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตหรือให้บริการต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ช่วยในการวัดประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตและการบริการ
  4. อัตราการเสี่ยง (Risk Rate) การวัดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในธุรกิจ โดยคำนวณจากจำนวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน่วยเวลาหรือเงินทุนลงทุน
  5. ความพึงพอใจของลูกค้า การวัดระดับความพึงพอใจของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ โดยใช้สำรวจความคิดเห็นหรือการประเมินโดยลูกค้า
  6. อัตราการรักษาลูกค้า (Customer Retention Rate) จำนวนลูกค้าที่กลับมาใช้บริการหรือซื้อสินค้าอีกครั้ง เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จในการรักษาลูกค้า
  7. ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร การวัดประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายทรัพยากรมนุษย์ พื้นที่ หรือพลังงาน เป็นต้น
  8. อัตราการลาออกของพนักงาน (Employee Turnover Rate) อัตราการลาออกของพนักงานในองค์กร ช่วยในการวัดความพึงพอใจและความสำเร็จของนโยบายการจัดการทรัพยากรมนุษย์
  9. ความสามารถในการปรับตัว (Adaptability) การวัดความสามารถในการปรับตัวต่อสถานการณ์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในสายงานหรืออุตสาหกรรม
  10. ส่วนแบ่งตลาด (Market Share) สัดส่วนของตลาดที่องค์กรครอบครองหรือควบคุม เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดความสำเร็จของกิจกรรมการตลาด
การเลือกและกำหนด KPIs ควรจะสอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ขององค์กรเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานและช่วยในการพัฒนาและปรับปรุงธุรกิจต่อไป โดยควรพิจารณาถึงความเหมาะสมและความเชื่อถือได้ของข้อมูลที่ใช้ในการวัดดัชนีชี้วัดด้วย

วัตถุประสงค์ ของการจัดทำดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs (Key Performance Indicators)

การจัดทำดัชนีชี้วัดผลสำเร็จหรือ KPIs (Key Performance Indicators) มีวัตถุประสงค์หลักคือการช่วยให้องค์กรหรือธุรกิจมีการบริหารจัดการและวัดผลสำเร็จของกิจกรรมหรืองานต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

วัตถุประสงค์ของการจัดทำ KPIs สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภท ได้ดังนี้

  1. การวัดความสำเร็จ KPIs ช่วยให้ทีมงานและผู้บริหารเข้าใจถึงระดับความสำเร็จของกิจกรรมหรือโครงการต่าง ๆ ในองค์กร โดยช่วยในการวัดผลลัพธ์ที่ได้รับจากการดำเนินงานและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการดำเนินงานต่อไป
  2. การติดตามความก้าวหน้า การกำหนด KPIs ช่วยในการติดตามความก้าวหน้าของกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งสามารถช่วยในการระบุปัญหาและมีแผนการปรับปรุงต่อไปได้ทันที
  3. การวิเคราะห์และการตัดสินใจ KPIs ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้ผู้บริหารทำการตัดสินใจในการปรับปรุงกิจกรรมหรือกลยุทธ์ต่าง ๆ ของธุรกิจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดต่อไป
  4. การกำหนดและการปรับเปลี่ยนเป้าหมาย ผลจากการวัด KPIs ช่วยในการกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสมและการปรับเปลี่ยนเป้าหมายตามความเป็นไปได้และสภาพการณ์ของธุรกิจ
  5. การสร้างความรับผิดชอบ การกำหนด KPIs ช่วยสร้างความรับผิดชอบในทีมงานและบุคลากร โดยช่วยให้ทุกคนเข้าใจความสำคัญของงานและการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ
  6. การสร้างวัฒนธรรมการทำงาน การใช้ KPIs ช่วยในการสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่มุ่งเน้นการพัฒนาและปรับปรุงผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องในองค์กร
  7. การเสริมสร้างสมรรถนะ KPIs ช่วยในการสร้างและเสริมสร้างสมรรถนะของบุคลากร โดยช่วยให้พวกเขามีการใช้ทักษะและความสามารถของตนเองในการทำงานอย่างเหมาะสม
ดังนั้น การจัดทำ KPIs เป็นส่วนสำคัญที่มีผลสำคัญต่อการบริหารจัดการ และความสำเร็จขององค์กรหรือธุรกิจในระยะยาวและยังช่วยสร้างพลังจูงใจและความเชื่อมั่นให้กับทีมงานด้วย

ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs (Key Performance Indicators)

ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs

ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs

ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จหรือ KPIs (Key Performance Indicators) สามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทได้ตามลักษณะของงานหรือกิจกรรมที่ต้องการวัดผลสำเร็จ ดังนี้

  1. ปริมาณ (Quantity)
  • ปริมาณการผลิต: จำนวนสินค้าหรือบริการที่ผลิตขึ้นในระยะเวลาที่กำหนด
  • ปริมาณการขาย: จำนวนสินค้าหรือบริการที่ขายได้ในระยะเวลาที่กำหนด
  1. คุณภาพ (Quality)
  • ปริมาณของข้อผิดพลาด: จำนวนข้อผิดพลาดหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในการผลิตหรือให้บริการ
  • ความถูกต้อง: อัตราการที่ผลิตภัณฑ์หรือบริการทำตามมาตรฐานหรือความต้องการของลูกค้า
  1. เวลา (Time)
  • ระยะเวลาในการผลิต: เวลาที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือให้บริการ
  • ระยะเวลาในการตอบรับลูกค้า: เวลาที่ใช้ในการตอบรับคำถามหรือความต้องการของลูกค้า
  1. ค่าใช้จ่าย (Cost)
  • ต้นทุนการผลิต: ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตสินค้าหรือให้บริการ
  • ราคาขายต่อหน่วย: ราคาที่ขายสินค้าหรือบริการต่อหน่วย
  1. ความพึงพอใจ (Satisfaction)
  • ความพึงพอใจของลูกค้า: ระดับความพึงพอใจของลูกค้าต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ
  • ความพึงพอใจของพนักงาน: ระดับความพึงพอใจของพนักงานต่อสภาพแวดล้อมทำงานและโอกาสในการพัฒนาตนเอง
การกำหนดและใช้งาน KPIs เหล่านี้จะช่วยให้องค์กรมีการวัดและติดตามผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยในการปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินงานขององค์กรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป

ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs ปัจจัยการประเมิน เปรียบเทียบกับ แนวทางการพิจารณา

ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs

ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs

ดัชนีชี้วัดผลสำเร็จหรือ KPIs (Key Performance Indicators) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวัดและประเมินประสิทธิภาพของงานหรือกิจกรรมต่าง ๆ ในองค์กร การกำหนด KPIs นั้นมักจะพิจารณาปัจจัยหลายประการที่มีผลต่อความสำเร็จของงาน ดังนี้

  1. ปัจจัยการประเมิน KPIs:
  • ความชัดเจน KPIs ควรมีการนิยามที่ชัดเจนและเข้าใจได้ง่าย เพื่อให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจและตีความได้เหมือนกัน
  • วัตถุประสงค์ของงาน KPIs ควรเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ต้องการให้บรรลุในงานหรือโครงการ
  • วัดได้ KPIs ควรเป็นตัวชี้วัดที่สามารถวัดได้โดยเชื่อถือได้และมีข้อมูลที่ตรวจสอบได้
  • ตรงต่อเวลา KPIs ควรมีการวัดผลและรายงานตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อให้สามารถติดตามความก้าวหน้าได้อย่างสม่ำเสมอ
  • เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ KPIs ควรเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์หรือแผนกลยุทธ์ขององค์กร เพื่อให้มีการสอดคล้องกัน
  1. แนวทางการพิจารณา KPIs:
  • SMART Criteria KPIs ควรเป็น SMART คือ Specific (เป้าหมายชัดเจน), Measurable (สามารถวัดได้), Achievable (เป็นไปได้), Relevant (เกี่ยวข้อง), Time-bound (มีระยะเวลากำหนด)
  • Balanced Scorecard (BSC) ใช้ในการสมดุลระหว่างการวัดผลในมุมมองทางการเงิน, ลูกค้า, กระบวนการภายใน, และการเรียนรู้และการพัฒนา
  • Key Results Area (KRA) การกำหนด KPIs โดยใช้เป้าหมายหรือพื้นที่ปฏิบัติงานสำคัญ ที่มีผลต่อความสำเร็จของหน่วยงานหรือบุคคล

การกำหนดตัวชี้วัด (Key Performance Indicators - KPIs)

การกำหนดตัวชี้วัดของหน่วยงาน/องค์การ

การกำหนดตัวชี้วัดของหน่วยงาน/องค์การ

การกำหนดตัวชี้วัด (Key Performance Indicators - KPIs) สำหรับหน่วยงานหรือองค์การมักจะเริ่มต้นจากการกำหนดวิสัยทัศน์ (Vision), กลยุทธ์ (Strategy), วัตถุประสงค์ (Objectives), ปัจจัยสำคัญที่สำคัญ (Critical Success Factors), และมุมมองและแผนการดำเนินการหลัก (Key Action Initiatives) ก่อนที่จะกำหนด KPIs ดังนี้

  1. วิสัยทัศน์ (Vision): กำหนดวิสัยทัศน์หรือวิสัยทัศน์ในอนาคตที่องค์การหรือหน่วยงานต้องการที่จะตามหา ในทางปฏิบัติวิสัยทัศน์จะเป็นการอธิบายทิศทางหรือการแสดงผลที่ต้องการให้องค์การหรือหน่วยงานนั้นๆ มุ่งเน้นไป
  2. กลยุทธ์ (Strategy): กลยุทธ์เป็นแผนการที่กำหนดโดยองค์กรหรือหน่วยงานเพื่อที่จะให้วิสัยทัศน์บรรลุได้ กลยุทธ์บ่งบอกถึงวิธีการใช้ทรัพยากรและแผนการดำเนินงานเพื่อที่จะบรรลุวัตถุประสงค์
  3. วัตถุประสงค์ (Objectives): กำหนดวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ต้องการให้บรรลุในระยะเวลาที่กำหนด เป็นตัวชี้วัดที่ชัดเจนและสามารถวัดได้
  4. ปัจจัยสำคัญที่สำคัญ (Critical Success Factors): ปัจจัยสำคัญที่สำคัญ (CSF) คือปัจจัยหรือเหตุการณ์ที่จะส่งผลต่อความสำเร็จในการบรรลุวัตถุประสงค์ การระบุ CSF ช่วยให้องค์การหรือหน่วยงานมีความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่สำคัญต่อความสำเร็จ
  5. ตัวชี้วัดผลสำเร็จ (Key Performance Indicators - KPIs): เป็นตัวชี้วัดที่ใช้ในการวัดและประเมินการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์และปัจจัยสำคัญ ประกอบด้วยตัวชี้วัดที่ชัดเจนและสามารถวัดได้
  6. แผนการดำเนินการหลัก (Key Action Initiatives): การกระทำหลักที่ต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ตามวัตถุประสงค์ รวมถึงการกำหนดกิจกรรมหรือแผนการทำงานที่เหมาะสมเพื่อให้ประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรและทำให้ KPIs บรรลุเป้าหมาย
โดยการกำหนดและใช้ KPIs ในองค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ จะช่วยให้การวัดและประเมินผลการดำเนินงานเป็นระบบและมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการโครงการหรืองานต่าง ๆ ในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพในการให้บริการหรือผลิตสินค้าต่อลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมีคุณภาพและเป็นรูปธรรมที่สุด

ตัวชี้วัดแต่ละระดับ

ตัวชี้วัดแต่ละระดับ

ตัวชี้วัดแต่ละระดับ

การกำหนดตัวชี้วัด (Key Performance Indicators - KPIs) สำหรับแต่ละระดับขององค์การหรือหน่วยงานมีความสำคัญในการเสริมสร้างการทำงานร่วมกันและการตรวจสอบความสำเร็จของกิจกรรมที่ต้องการให้บรรลุในระดับนั้น ๆ ต่อไป

  • ตัวชี้วัดระดับองค์การ (Organization Indicators)
  • กำไรสุทธิหรือกำไรก่อนหักค่าใช้จ่าย
  • รายได้ทั้งหมดหรือมูลค่ารวมของการขาย
  • อัตราการเติบโตขององค์การ
  • ระดับความพึงพอใจของลูกค้า
  • ระดับความพึงพอใจของพนักงาน
  • อัตราการรักษาพนักงาน
  • ต้นทุนการดำเนินงาน
  • ตัวชี้วัดระดับหน่วยงาน (Department Indicators)
  • ประสิทธิภาพในการให้บริการหรือผลิตสินค้า
  • การปฏิบัติตามมาตรฐานและกระบวนการ
  • ปริมาณงานที่สำเร็จตามเป้าหมาย
  • ความถูกต้องและคุณภาพของงาน
  • ระยะเวลาในการดำเนินงาน
  • ระดับความพึงพอใจของลูกค้าภายในแผนก
  • อัตราการลาออกของพนักงานในแผนก
  • ตัวชี้วัดระดับบุคคล (Individual Indicators)
  • ประสิทธิภาพในการทำงานรายบุคคล
  • ปริมาณงานที่สำเร็จตามเป้าหมาย
  • ระยะเวลาในการทำงาน
  • การปฏิบัติตามมาตรฐานและกระบวนการ
  • ระดับความพึงพอใจของลูกค้าที่ได้รับการรับรู้
  • ความพัฒนาทักษะและความสามารถของบุคคล
  • การปฏิบัติตามจรรยาบรรณและค่านิยมขององค์กร
การกำหนดตัวชี้วัดสำหรับแต่ละระดับนี้มีไว้เพื่อให้สามารถประเมินผลการดำเนินงานในทุกๆ ระดับขององค์การ และให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

ข้อควรคำนึงในการกำหนดตัวชี้วัด KPIs ตามหลัก S-M- A-R-T

ข้อควรคำนึงในการกำหนดตัวชี้วัด  KPIs ตามหลัก S -M- A- R- T

ข้อควรคำนึงในการกำหนดตัวชี้วัด KPIs ตามหลัก S -M- A- R- T

เมื่อกำหนดตัวชี้วัด (Key Performance Indicators - KPIs) ตามหลัก SMART จะช่วยให้ตัวชี้วัดมีความชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อการวัดและประเมินผลการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้คือข้อควรคำนึง

  1. Specific (เฉพาะเจาะจง) ตัวชี้วัดควรจะชัดเจนและเฉพาะเจาะจง เพื่อให้ทุกคนในองค์การเข้าใจและตีความได้เหมือนกัน เช่น "เพิ่มยอดขายสินค้าประจำเดือนที่ประสบความสำเร็จโดยเฉลี่ย 10%"
  2. Measurable (สามารถวัดได้) ตัวชี้วัดควรสามารถวัดผลได้โดยใช้ข้อมูลที่เป็นตัวเลขหรือข้อมูลที่เป็นไปได้ เพื่อให้สามารถประเมินความสำเร็จได้อย่างชัดเจน เช่น "เป้าหมายเพิ่มยอดขายให้มากขึ้น 10% ในปีนี้"
  3. Achievable (เป็นไปได้) ตัวชี้วัดควรเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและทรัพยากรที่มีอยู่ เพื่อให้มีความเป็นระเบียบและเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้กับทีมงาน เช่น "เพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน"
  4. Relevant (เกี่ยวข้อง) ตัวชี้วัดควรเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายที่ต้องการบรรลุในองค์การ เพื่อให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ เช่น "เพิ่มคุณภาพของบริการให้กับลูกค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย"
  5. Time-bound (มีระยะเวลากำหนด) ตัวชี้วัดควรมีระยะเวลาที่กำหนดเพื่อให้สามารถติดตามและประเมินความก้าวหน้าได้อย่างชัดเจน เช่น "เพิ่มยอดขายสินค้าให้มากขึ้น 10% ภายใน 6 เดือน"
การใช้หลัก SMART ในการกำหนดตัวชี้วัด จะช่วยให้มีการวัด และประเมินผลการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิภาพในการให้บริการ หรือผลิตสินค้าต่อลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างมีคุณภาพ และเป็นรูปธรรมที่สุด

สรุป เรื่อง เทคนิคการกำหนดดัชนีชี้วัดผลสำเร็จของงาน KPIs (Key Performance Indicators)

การกำหนดดัชนีชี้วัดผลสำเร็จ (KPIs - Key Performance Indicators) เป็นกระบวนการที่สำคัญในการจัดการและวัดผลการดำเนินงานขององค์กรหรือธุรกิจ ดัชนีชี้วัดเหล่านี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบว่ากิจกรรมและการดำเนินงานที่ต่างกันมีประสิทธิภาพอย่างไร ดังนั้น สรุปเทคนิคสำคัญในการกำหนด KPIs ได้แก่

  1. SMART Criteria ควรใช้หลัก SMART (Specific, Measurable, Achievable, Relevant, Time-bound) เพื่อกำหนด KPIs ที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์ต่อการวัดและประเมินผลการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิภาพ
  2. ช่วงเวลาการติดตาม ระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการติดตามและวัดผล KPIs เช่น รายเดือน, รายไตรมาส, หรือรายปี โดยขึ้นอยู่กับลักษณะของกิจกรรมหรือโครงการ
  3. การระบุผู้รับผิดชอบ กำหนดผู้รับผิดชอบที่ชัดเจนสำหรับแต่ละ KPIs เพื่อให้มีความรับผิดชอบและความเข้าใจในหน้าที่ของตนเอง
  4. การประมาณการและการวัดผล ใช้ข้อมูลประสิทธิภาพปัจจุบันเพื่อกำหนดเป้าหมายของ KPIs และตรวจสอบผลการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ
  5. การปรับปรุงและการประเมินเป้าหมาย พิจารณาการปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุง KPIs เมื่อมีความจำเป็น และประเมินเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ติดตามความก้าวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  6. การรายงานและการสื่อสาร สร้างระบบรายงาน และการสื่อสารที่ชัดเจนและประสิทธิภาพเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนเข้าใจ KPIs และผลการดำเนินงาน
  7. การเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์และยุทธศาสตร์ ตัวชี้วัดควรเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์และยุทธศาสตร์รวมถึงวิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์การ
การกำหนด KPIs อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยให้องค์การสามารถตรวจสอบ และปรับปรุงผลการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์การให้ก้าวหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง และเหมาะสม

CategoriesHRD / HRM

Topprofessional And Development

สถาบันฝึกอบรมและที่ปรึกษาทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์และองค์กร บริการให้คำปรึกษาด้านระบบ ISO แบบครบวงจรด้วยหลักสูตรคุณภาพอาจารย์ผู้สอนมากด้วยประสบการณ์

วันทำการ ( จันทร์ - เสาร์ เวลา 8:00 - 17:00 น. )

ติดตามเรา

icon-facebookicon-lineicon-youtubeicon-tiktok
Copyright 2023 © HERMES Digital Marketing . All Rights Reserved