กฎหมายแรงงาน มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสมดุลในสถานประกอบการ หัวหน้างานและผู้บริหารจึงควรมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันปัญหาและข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้น
กฎหมายแรงงานที่หัวหน้างานและผู้บริหารควรรู้ มีดังต่อไปนี้
1. พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
- กำหนดสิทธิและหน้าที่ของนายจ้างและลูกจ้าง
- กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเกี่ยวกับการจ้างงาน เช่น เวลาทำงาน ค่าจ้าง วันหยุด การลา สวัสดิการ ความปลอดภัยในการทำงาน
- กำหนดวิธีการระงับข้อพิพาทแรงงาน
2. พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533
- กำหนดระบบประกันสังคมเพื่อคุ้มครองลูกจ้างในกรณี เจ็บป่วย คลอดบุตร ทุพพลภาพ เสียชีวิต ว่างงาน
3. พระราชบัญญัติชดเชยการเลิกจ้างแรงงาน พ.ศ. 2535
- กำหนดสิทธิของลูกจ้างที่จะได้รับค่าชดเชย กรณีนายจ้างเลิกจ้างโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
4. พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
- กำหนดวิธีการเก็บรักษาและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกจ้าง
5. กฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- กฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้องกับประเภทธุรกิจ เช่น กฎหมายเกี่ยวกับการจ้างงานในสถานประกอบการที่ใช้อันตราย
- กฎหมายเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าว
หัวหน้างานและผู้บริหารควรศึกษา รายละเอียดของกฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึง แนวทางปฏิบัติ ที่ถูกต้อง เพื่อนำไปใช้บริหารจัดการงานบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ
การอบรม เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานสำหรับหัวหน้างานและผู้บริหาร
เป็นสิ่งที่จำเป็นและสำคัญ เพื่อให้เข้าใจกฎหมายและแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง ป้องกันปัญหาข้อพิพาท และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง สนใจอบรมหลักสูตร กฎหมายแรงงานที่หัวหน้างาน และ ผู้บริหาร ควรรู้ (Labour law for Supervisor & Manager) คลิกที่นี่
กฎหมายคุ้มครองแรงงาน
กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กำหนดเวลาทำงานสูงสุดสำหรับลูกจ้าง ดังนี้
เวลาทำการ
- งานทั่วไป ไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือตามที่ตกลงกัน แต่ไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
- งานทั่วไปที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัย ไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน หรือไม่เกิน 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ตัวอย่าง
- พนักงานออฟฟิศ ทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน 5 วันต่อสัปดาห์ รวมเวลาทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เป็นไปตามกฎหมาย
- พนักงานโรงงาน ทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน 6 วันต่อสัปดาห์ รวมเวลาทำงาน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เป็นไปตามกฎหมาย
- พนักงานเหมืองแร่ ทำงาน 7 ชั่วโมงต่อวัน 6 วันต่อสัปดาห์ รวมเวลาทำงาน 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เป็นไปตามกฎหมาย
พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน ปี 2551 มาตรา 16
ห้ามมิให้นายจ้าง หัวหน้างาน ผู้ควบคุมงาน หรือผู้ตรวจงาน กระทำการล่วงเกิน คุกคาม หรือ ก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศต่อลูกจ้าง
มาตรา 16 นี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ
- คุ้มครองลูกจ้างจากการล่วงละเมิดทางเพศในสถานประกอบการ
- ป้องกันมิให้เกิดบรรยากาศการทำงานที่ไม่เหมาะสม
- ส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างเพศในสถานที่ทำงาน
การกระทำที่ถือว่าเป็นการล่วงเกิน คุกคาม หรือ ก่อความเดือดร้อนรำคาญทางเพศ
- การแสดงกิริยาท่าทางที่ล่อแหลมทางเพศ
- การพูดจาหรือส่งข้อความที่มีเนื้อหาทางเพศ
- การสัมผัสร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาต
- การขอความสัมพันธ์ทางเพศ
- การกระทำอื่นใดที่สร้างความอึดอัด ลำบากใจ หรือ รู้สึกไม่ปลอดภัย
บทลงโทษ
- นายจ้าง หัวหน้างาน ผู้ควบคุมงาน หรือผู้ตรวจงาน ที่ฝ่าฝืนมาตรา 16 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การเยียวยา
- ลูกจ้างที่ถูกกระทำล่วงละเมิดทางเพศมีสิทธิร้องเรียนต่อพนักงานตรวจแรงงาน หรือ ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
- ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าเสียหายจากผู้กระทำผิด
แนวทางป้องกัน
- นายจ้างควรมีนโยบายเกี่ยวกับการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศในสถานประกอบการ
- นายจ้างควรจัดอบรมให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับกฎหมายคุ้มครองแรงงานและแนวทางป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ
- ลูกจ้างควรแจ้งและร้องเรียนเมื่อถูกกระทำล่วงละเมิดทางเพศ
นายจ้างสั่งพักงานลูกจ้างได้แค่ไหน
นายจ้างสามารถสั่งพักงานลูกจ้างได้ ใน 2 กรณี ดังนี้
1. การพักงานระหว่างสอบสวน
- นายจ้างสามารถสั่งพักงานลูกจ้างได้ ไม่เกิน 7 วัน ในระหว่างการสอบสวนลูกจ้างที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัย
- นายจ้างต้องมี ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน หรือ ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ที่ระบุว่านายจ้างมีอำนาจสั่งพักงานลูกจ้างได้
- นายจ้างต้อง แจ้งให้ลูกจ้างทราบ ก่อน การพักงาน
2. การลงโทษโดยการพักงาน
- กฎหมายคุ้มครองแรงงาน ไม่ได้ระบุ วิธีการลงโทษ ลูกจ้างโดยการพักงานไว้โดยตรง
- นายจ้างอาจ กำหนดวิธีการลงโทษ โดยการพักงานไว้ใน ข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน หรือ ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
- ระยะเวลา การพักงาน ขึ้นอยู่กับ ความรุนแรง ของ ความผิด
- ไม่ควรเกิน 7 วัน
กรณีที่นายจ้างสั่งพักงานลูกจ้างโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
- ลูกจ้างมีสิทธิ ร้องเรียน ต่อ พนักงานตรวจแรงงาน หรือ ร้องทุกข์ ต่อ พนักงานสอบสวน
- ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าจ้าง ระหว่าง ถูกพักงาน
รายการที่ควรมีในหนังสือเตือน
รายการที่ควรมีในหนังสือเตือน
(1) วัน / เดือน / ปี
(2) สถานที่
(3) ข้อความแจ้ง เจาะจงตัวลูกจ้างที่ฝ่าฝืน
(4) ข้อเท็จจริงโดยย่อ
(5) ข้ออ้างที่ระบุว่าการกระทำนั้นฝ่าฝืนข้อใด / เรื่องใด
(6) ข้อความที่มีลักษณะเป็นการตักเตือน
(7) ลงชื่อ
หมายเหตุ
- ควรใช้ภาษาที่สุภาพ ชัดเจน รัดกุม
- ควรเก็บสำเนาหนังสือเตือนไว้
- ควรมีพยานในการส่งมอบหนังสือเตือน
การลงโทษลูกจ้างด้วยการพักงานนั้น ไม่จำเป็นต้องไม่จ่ายค่าจ้าง
หลักเกณฑ์
- มีข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน หรือ ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ระบุ วิธีการลงโทษ โดยการพักงาน ไว้
- กำหนดระยะเวลา การพักงาน ไว้ชัดเจน
- แจ้งให้ ลูกจ้าง ทราบล่วงหน้า
กรณี
- พักงาน ระหว่าง สอบสวน : ต้องจ่ายค่าจ้าง
- ลงโทษ โดยการพักงาน : อาจ ไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง ทั้งหมด หรือ บางส่วน
ขึ้นอยู่กับ
- ข้อบังคับ หรือ ข้อตกลง
- ระยะเวลา การพักงาน
- ความรุนแรง ของ ความผิด
ขั้นตอนการลงโทษทางวินัย
ขั้นตอนการลงโทษทางวินัย จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ ประเภท ของ สถานประกอบการ ประเภท ของ ลูกจ้าง และ ความรุนแรง ของ ความผิด
โดยทั่วไป ขั้นตอนการลงโทษทางวินัยมีดังนี้
1. การแจ้งข้อกล่าวหา
- แจ้ง ข้อกล่าวหา ให้ ลูกจ้าง ทราบ เป็นลายลักษณ์อักษร
- ระบุ รายละเอียด ของ ความผิด หลักฐาน พยาน
- แจ้ง สิทธิ ของ ลูกจ้าง ในการ แก้ต่าง
2. การสอบสวน
- ตั้งคณะกรรมการสอบสวน
- สอบสวน ข้อเท็จจริง อย่าง เป็นธรรม
- ให้ ลูกจ้าง มีโอกาส ในการ แก้ต่าง
3. การพิจารณาลงโทษ
- คณะกรรมการ พิจารณา ข้อเท็จจริง หลักฐาน และ คำแก้ต่าง
- เสนอ บทลงโทษ ต่อ ผู้มีอำนาจ
4. การลงโทษ
- ผู้มีอำนาจ พิจารณา บทลงโทษ ที่ คณะกรรมการ เสนอ
- แจ้ง ผล การพิจารณา ให้ ลูกจ้าง ทราบ
บทลงโทษทางวินัย
- ภาคทัณฑ์
- ตัดเงินเดือน
- ลดขั้นเงินเดือน
- ปลดออก
- ไล่ออก
ข้อควรระวัง
- นายจ้าง ต้อง ปฏิบัติ อย่าง เป็นธรรม
- ลูกจ้าง มีสิทธิ ร้องเรียน ต่อ พนักงานตรวจแรงงาน หรือ ร้องทุกข์ ต่อ พนักงานสอบสวน
สรุป
กฎหมายแรงงาน เป็นกฎหมายที่กำหนด สิทธิ หน้าที่ และ ความรับผิดชอบ ระหว่าง นายจ้าง และ ลูกจ้าง เพื่อบริหารจัดการ พนักงาน อย่าง มีประสิทธิภาพ ป้องกัน ข้อพิพาท ด้านแรงงานปฏิบัติ ตาม กฎหมาย อย่าง ถูกต้อง